ผิวของคนทุกคนไม่เหมือนกันฉันใด อายุผิวของแต่ละช่วงวัยก็ต้องรับการดูแลที่แตกต่างกันฉันนั้น วันนี้หมอโบจึงจะมาพูดถึงปัญหาผิวแต่ละช่วงวัยและวิธีการดูแลอย่างถูกวิธีให้ฟังกันค่ะ
อายุผิวแต่ละช่วงวัย มีความแตกต่างกันอย่างไร ?
ช่วงวัยเด็ก 4 – 11 ปี
วัยเด็กเป็นช่วงวัยที่ผิวหนังจะมีความบอบบางมาก เม็ดสีใต้ชั้นผิวจะยังไม่เข้มเท่าผู้ใหญ่ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับการปกป้องด้วยการทาครีมกันแดดบ้าง แต่ว่าต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมีหรือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค เนื่องจากผิวที่บอบบางของเด็กจะค่อนข้างแพ้ง่าย ดังนั้น จึงยังไม่ควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงและป้องกันผิวแบบผู้ใหญ่ลงบนผิวเด็กโดยตรง โดยเฉพาะเครื่องสำอางของผู้ใหญ่ที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย หากต้องการให้เด็กเล่นเครื่องสำอางสำหรับแต่งเติมจินตนาการควรที่จะเลือกใช้เครื่องสำอางที่ระบุอย่างชัดเจนว่าใช้สำหรับเด็กได้เท่านั้นค่ะ
ช่วงวัยรุ่น 12 – 18 ปี
วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ส่งผลให้ผิวมีปัญหาเช่น เป็นสิว หน้ามันมาก หรือหน้าแห้งมาก ซึ่งอาการจะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้นและเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ วิธีการดูแลผิวของวัยรุ่นคือ ควรเลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะสมกับช่วงวัย ไม่นอนดึก ล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง ไม่ควรแกะ บีบ เกา จับบริเวณที่เป็นสิวเพราะอาจจะก่อให้เกิดการอักเสบ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาจจะทิ้งรอยแผลเป็นได้ และควรลดการทานอาหารทอด ๆ มัน ๆ ไขมันเยอะ ๆ ด้วยนะคะ เพราะยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดสิว ปัญหาผิวแย่ลง ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และออกกำลังกายเป็นประจำ
ประเภทสิวแต่ละชนิด และวิธีรักษาที่ถูกต้อง
วิธีเลือกโฟมล้างหน้าให้เข้ากับผิวหน้า แบบครีม โฟม หรือเจลดีกว่ากัน
ช่วงวัยรุ่นตอนปลาย 19 – 22 ปี
ช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉิดฉายเพราะสภาพผิวของวัยนี้เป็นช่วงอายุของผิวที่เปล่งประกายที่สุด ทำให้หลาย ๆ คนละเลยการดูแลตัวเอง ซึ่งในวัยนี้ควรบำรุงด้วยสกินแคร์ที่มีความเข้มข้นมากกว่าวัยรุ่นได้แล้วค่ะ เนื่องจากผิวเริ่มบางลงแล้ว ทำให้ความสามารถในการปกป้องจากแสงแดดลดลงแล้ว ดังนั้นไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดดทุกวันที่ออกจากบ้าน ควรออกกำลังกายและใส่ใจเรื่องอาหารการกินนิดนึงค่ะ เพราะการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นด้วยค่ะ
อยาก ชะลอวัย ให้ใบหน้าดูเด็กลง ทำอย่างไร มีวิธีไหนบ้าง?
หน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ทาอะไรก็ไม่ดีขึ้น ต้องแก้ไขอย่างไร
ช่วงผู้ใหญ่ 25 – 29 ปี
ในช่วงอายุนี้สัญญาณแห่งปัญหาผิวจะค่อย ๆ ทยอยเกิดออกมาให้เห็นค่ะ เริ่มมีความหมองคล้ำบนใบหน้า ผิวหยาบ ผิวแห้ง มีริ้วรอยบาง ๆ แล้ว ซึ่งในแต่ละคนจะมีการแสดงอาการไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าก่อนหน้านี้ หากดูแลดีมาตั้งแต่แรก ปัญหาก็อาจจะยังมองไม่เห็นหรือเกิดน้อยมาก ๆ หากเกิดปัญหาของผิวในช่วงวัยนี้ ยังพอกลับตัวทันนะคะ สามารถบำรุงด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะสมได้ เพิ่มการมาร์กหน้าสัปดาห์ละ 1 ครั้งและต้องทาครีมกันแดดอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิมค่ะ ออกกำลังกาย และควรงดทาน (หรือทานให้น้อยที่สุด) อาหารสำเร็จรูป และอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีสารอาหารน้อยมากและไม่หลากหลาย การรับสารอาหารไม่เพียงพอทำให้ร่างกายไม่สามารถส่งไปบำรุงซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ได้เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่โดยทำร้ายจากมลภาวะไม่ได้รับการซ่อมแซม และก็จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงไปค่ะ
ฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดตรงไหนได้บ้าง? น้อยเกินไปหรือเปล่า
อยากลดเหนียง เลือก “ฉีดฟิลเลอร์” หรือ “อัลเทอร่า” ดีกว่ากัน ?
ช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป
สำหรับช่วงวัยนี้ ถ้าใครมีแต้มบุญดีเพราะดูแลผิวมาตั้งแต่แรกจะเริ่มเห็นผลค่ะเพราะผิวจะไม่เสียหายมาก แตกต่างกับคนที่ละเลยการดูแลผิวมาตลอดจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ก็คือ ใบหน้าใต้ตาเริ่มมีปัญหาหมองคล้ำ มีริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า มีร่องแก้มทำให้ดูมีอายุมาก เนื่องจากชั้นผิวสูญเสียคอลลาเจนธรรมชาติที่ร่างกายผลิตออกมาได้น้อยลง เกราะป้องกันผิวบาง ประสบปัญหามลภาวะต่าง ๆ ง่าย ความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นของผิวก็มีน้อยลง ควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้น มีมอยส์เจอไรเซอร์สูง ๆ ค่ะ ใครที่ไม่เคยออกกำลังกายต้องเริ่มปฏิบัติการกู้ผิวด่วนเลยนะคะ ต้องเริ่มออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์แล้วลดการทานอาหารไขมันสูง ขนมหวาน (ชาไข่มุก เพิ่มหวาน 150% ประมาณนี้ก็ต้องลดค่ะ!!!) เพื่อเป็นการยืดอายุให้ผิวเสียหายน้อยลงนั่นเองค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ลดริ้วรอย ลดอายุ
อยากฉีดฟิลเลอร์ ต้องทำยังไง การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์
ช่วงวัย 40 – 50 ปีขึ้นไป
ช่วงนี้เป็นช่วงวัยที่ปัญหาผิวจะปรากฏขึ้นมาชัดเจนที่สุด เห็นชัดที่สุด ตั้งแต่รอยย่นหน้าผาก คิ้วขมวดเห็นเป็นเส้นชัดเจน ริ้วรอยตีนกา รอยย่นรอบดวงตา ร่องแก้มขึ้นเป็นลูก เบ้าตาลึกและคล้ำมาก เนื่องจากเซลล์ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมาก ขาดคอลลาเจน ผนังผิวบางจนขาดความแข็งแรงโดนมลภาวะต่าง ๆ มาทำลายได้ง่ายขึ้น ผิวเริ่มมีจุดด่างดำ กระ ฝ้า ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เติมน้ำเข้าผิว หรือกักเก็บความชุ่มชื้นผิวให้มาก ๆ และลดเลือนริ้วรอยค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ หน้าผาก VS เสริมหน้าผาก ต่างกันอย่างไร เลือกยังไงดี?
ร่องแก้มลึก แก้ริ้วรอยร่องแก้ม แก้มหย่อนคล้อยด้วยฟิลเลอร์
หนังตาตกทำอย่างไรดี แก้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ได้หรือไม่?
ช่วงวัย 60 ปีขึ้นไป
เป็นช่วงอายุผิวที่สูญเสียความหนาแน่นของใบหน้าอย่างสิ้นเชิง มีริ้วรอยเห็นชัดทั้งใบหน้า ผิวไวต่อมลภาวะมาก ๆ ทั้งฝุ่น แสงแดด ต่างเป็นตัวการทำร้ายผิวและทำให้เกิดริ้วรอยทั้งหมดค่ะ ในวัยนี้ผิวจะขาดความชุ่มชื้นจากน้ำสูง ดังนั้นต้องดื่มน้ำเข้าไปเยอะ ๆ ค่ะ เพื่อทดแทนน้ำที่เสียไป ต้องทาครีมกันแดดตลอดเมื่อต้องออกไปกลางแดดเพราะผิวมีผนังป้องกันผิวบางมาก ทำให้เกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำขึ้นง่ายกว่าเดิม
หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี หากต้องเข้าคลินิคควรเลือกวิธีไหน?
วิธีแก้หน้าตอบ หน้าแก่กว่าวัย ดูโทรมเหมือนคนป่วย
วิธีกู้หน้าเด็ก เปลี่ยนหน้าโทรม เหี่ยวย่นให้เป็นหน้าใสเด้ง เต่งตึงทันใจ
สำหรับใครที่ยังอยู่ในช่วงวัยที่ยังสามารถปรับพฤติกรรมการกิน การนอน การดูแลผิวต่าง ๆ ได้อยู่.. หมอโบแนะนำให้รีบเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยนะคะ เพราะสุขภาพผิวนั้นหากสูญเสียไปแล้วจะกู้คืนยากมาก ๆ เลย แต่ถ้าใครที่อยู่ในช่วงวัยที่แก้ไขยากแล้ว ก็ไม่ต้องเสียใจไปค่ะ เพราะในปัจจุบันมีนวัตกรรมทางการแพทย์ยุคใหม่ที่สามารถช่วยกู้สภาพผิวให้กลับมาเหมือนวัย 20 อีกครั้ง นั่นก็คือ “การฉีดฟิลเลอร์” หรือสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูโรนิคแอซิด (hyaluronic acid) ที่มีโครงสร้างโมเลกุลที่คล้ายกับคอลลาเจนในธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนห้อยย้อย และที่สำคัญสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง ไม่มีสารเคมีตกค้างด้วยค่ะ เหมาะกับทุกสภาพผิว เหมาะกับทุกวัย ฉีดครั้งนึงแล้วสวยทนสวยนานมากกว่า 3 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวส่วนบุคคล และเทคนิคการฉีดของแพทย์ ซึ่ง 80% ของคนไข้หมอโบจากเดอโบคลินิก รับประกัน ฉีดกับหมอโบสวยนานกว่า 3 ปีแน่นอนค่ะ)
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สัญญาณที่บ่งบอกว่า คุณควร “เติม Filler “โดยด่วน
ฟิลเลอร์ hyaluronic acid ทำไมฟิลเลอร์แท้ ถึงมีราคาแพง
(อัปเดต2021) ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? เหมาะกับใช้ฉีดตรงไหน
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ