“คนเราต้องดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว” เป็นประโยคที่เราได้ยินบ่อยมาก แต่น้อยคนมากที่จะรู้ประโยชน์ของการดื่มน้ำให้ครบวันละ 8 แก้วว่า มีประโยชน์อย่างไรบ้าง วันนี้หมอโบจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
การดื่มน้ำของแต่ละช่วงวัย
ถึงแม้ว่า เราจะได้ยินประโยคฮิต ๆ อย่าง “เราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว” ก็จริง แต่ความจริงแล้วปริมาณการดื่มน้ำของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันค่ะ ซึ่งเกณฑ์ 8 แก้วนั้นเป็นเพียงปริมาณขั้นต่ำว่า “อย่างน้อย” เท่านั้น แต่การคำนวณปริมาณการดื่มน้ำของจริงจะถูกคำนวณตามอายุ เพศ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต กิจกรรมที่ทำ และปริมาณการทานอาหารต่าง ๆ ที่อาจจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่แล้วด้วย ดังนั้นจึงมีการแบ่งเกณฑ์การดื่มน้ำที่เหมาะสมของแต่ละช่วงวัยแบบคร่าว ๆ ดังนี้
- เด็กอายุ 4 – 8 ปี ควรดื่ม 5 แก้วต่อวัน (หรือประมาณ 1,200 มล.)
- ช่วงอายุ 9 – 13 ปี ควรดื่ม 7 – 8 แก้วต่อวัน (หรือประมาณ 1,600-1,900 มล.)
- ช่วงอายุ 14 – 18 ปี ควรดื่ม 8 – 11 แก้วต่อวัน (หรือประมาณ 1,900-2,600 มล.)
- ผู้หญิงอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรดื่ม 9 แก้วต่อวัน (หรือประมาณ 2,100 มล.)
- ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรดื่ม 13 แก้วต่อวัน (หรือประมาณ 3,000 มล.)
- ผู้สูงอายุ ควรดื่ม 9 แก้วต่อวัน (หรือประมาณ 2,100 มล.)
** ปริมาณด้านบนเป็นปริมาณที่คำนวณหลังนับรวมการได้รับน้ำจากอาหารทดแทนอื่น ๆ ระหว่างวัน เช่น แตงโม เมลอน เบอร์รี แตงกวา พริกหยวก ผักโขม ขึ้นฉ่าย ดอกกะหล่ำ มาแล้ว ในกรณีที่เป็นคนที่ไม่ทานผักและผลไม้ระหว่างวันต้องบวกเพิ่มไปอีกวันละ 1 แก้ว และหากเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือกำลังตั้งครรภ์ต้องบวกเพิ่มอีกวันละ 2 แก้ว หรืออย่างน้อย 10 แก้วต่อวันและหากกำลังอยู่ในช่วงในนมบุตรต้องเพิ่มอีกเป็นวันละอย่างน้อย 13 แก้วต่อวัน
ประโยชน์ของการดื่มน้ำเยอะๆ
1.ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
เนื่องจากในร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 60% ดังนั้นน้ำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะหากดื่มน้ำน้อยเกินไปจะทำให้ร่างกายขาดน้ำในการใช้หล่อเลี้ยงร่างกาย โดยสัญญาณเตือนของร่างกายที่กำลังบอกเราว่า ตอนนี้เธอดื่มน้ำน้อยเกินไปแล้วนะ!! ก็คือ สัญญาณของผิวที่แห้ง ขาดความชุ่มชื้น ขาดน้ำ อันมีลักษณะคือ ผิวแตกเป็นขุย ผิวหยาบกร้าน เริ่มหมองคล้ำ ไม่สดใส และหากไม่มีการเปลี่ยนพฤติกรรมไปดื่มน้ำให้เยอะขึ้นแล้วจะส่งผลให้เกิดปัญหาริ้วรอยก่อนวัย หน้าเหี่ยวย่น มีร่องแก้ม มีริ้วรอยรอบดวงตาและริมฝีปากแตกแห้งไม่น่ามอง ดังนั้นทางที่ดีควรดื่มน้ำให้เหมาะสมกับเราจะดีที่สุดค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น และลดความหมองคล้ำก็สามารถเลือกใช้การฉีดฟิลเลอร์ได้ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้อย่างรวดเร็ว สวยทันใจ … แต่!! การฉีดฟิลเลอร์ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ต้องดื่มน้ำมาก ๆ แล้ว หรือไม่ต้องปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำแล้ว เพราะฟิลเลอร์แท้นั้นมีส่วนประกอบของสาร HA ที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง ดังนั้นหลังฉีดฟิลเลอร์ยิ่งดื่มน้ำเข้าไปเยอะเท่าไร ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปก็จะยิ่งสวยเด้ง อยู่ทนสวยนานมากกว่า 3 ปี*ได้เลย!! // *ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีด สภาพผิวส่วนบุคคล และเทคนิคการฉีดของแพทย์ ซึ่งคนไข้ของหมอโบ เดอโบคลินิกกว่า 80% ยืนยันว่า ฟิลเลอร์ของหมอโบ อยู่ทนนานมากกว่า 3 ปี!!!
2. ดื่มน้ำเยอะ ช่วยลดน้ำหนัก
การดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญไขมันส่วนเกินของร่างกายให้เบิร์นออกอย่างรวดเร็ว จึงช่วยให้สามารถลดแคลอรี่ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร 1 แก้วจะช่วยให้อิ่มเร็ว และยังช่วยลดความอยากกินขนมหวาน ลดความอยากกินของกินจุกจิกอีกด้วยนะคะ
3.กระตุ้นระบบขับถ่าย
ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ถ่ายยาก ท้องผูกเป็นประจำ ให้ลองปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำดูค่ะ เพราะการดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยให้ระบบขับถ่ายในร่างกายทำงานได้ง่ายขึ้น และยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียได้เร็ว สุขภาพดี หน้าท้องยุบไว แบบไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมเลยค่ะ
4.ทำงานดีขึ้น
ใครที่มักจะตื่นมาไม่ค่อยสดชื่น สมาธิสั้น อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ หงุดหงิดง่าย อาจจะเป็นสัญญาณว่าสมองขาดน้ำ เนื่องจากสมองก็เป็นอวัยวะสำคัญที่จำเป็นต้องใช้น้ำในการหล่อเลี้ยง ดังนั้นลองปรับการดื่มน้ำให้เยอะ ๆ ดูจะพบว่าอารมณ์ดีขึ้น ไม่ฉุนเฉียวเหมือนเดิม แถมยังช่วยให้มีสมาธิ สามารถจดจ่อกับงานตรงหน้าได้ดียิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้ไม่ขี้หลงขี้ลืมอีกด้วยค่ะ
5.ร่างกายแข็งแรง
การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายจะช่วยลดปัจจัยความเสี่ยงของโรคร้ายต่าง ๆ เช่น ช่วยการทำงานของระบบหัวใจ ลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิต โรงมะเร็งลำไส้ โรคนิ่วและโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สัญญาณที่บ่งบอกว่า คุณควร “เติม Filler “โดยด่วน
ฟิลเลอร์ hyaluronic acid ทำไมฟิลเลอร์แท้ ถึงมีราคาแพง
(อัปเดต2021) ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? เหมาะกับใช้ฉีดตรงไหน
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ