(Update 2024) ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ฟิลเลอร์ผ่าน อย. ไทย ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ดีที่สุด

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? เป็นคำถามที่หลายคนต้องการทราบมากที่สุด เนื่องจากในท้องตลาดยุคปัจจุปันมีการโฆษณาของฟิลเลอร์ตัวนั้น ตัวนี้ มีคนรีวิวมากกมาย บางก็ว่า ยี่ห้อนี่ดี ยี่ห้อนั่นสวย จนทำให้มีคนไข้หลายคนรู้สึกลังเลว่า ตัวเองควรจะเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด วันนี้หมอโบจะมาไขข้อสงสัยนั่นเองค่ะ

เนื้อฟิลเลอร์แต่ละชนิด เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน?

ฟิลเลอร์ Filler คืออะไร?

ก่อนที่จะไปถึงคำถามที่ว่า “ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด?” หมอโบขออนุญาตเสริมให้ก่อนว่าฟิลเลอร์คืออะไร?

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ข้อแตกต่างของฟิลเลอร์แต่ละชนิด มีอะไรบ้าง

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเติมเต็มเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกหรือบริเวณที่ขาด VOLUME บนใบหน้า ได้แก่ ร่องใต้ตา ร่องแก้ม ขมับตอบ แก้มตอบ คางสั้น ริมฝีปากบาง หลุมสิว เส้นรอบลำคอ และหลังมือ เป็นต้นปัจจุบันฟิลเลอร์ที่เราใช้แก้ไขปัญหาดังกล่าว มีเพียงชนิดเดียวที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) คือ HA FILLER หรือ ฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารที่มีลักษณะคล้ายเจล มีความคงตัวสูง สังเคราะห์จากน้ำตาลโมเลกุลเชิงซ้อนที่ให้โครงสร้างคล้ายกับคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เมื่อฉีดเข้าไปแล้วให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนห้อยย้อย และที่สำคัญสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกด้วย

FILLER ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย ได้แก่ ยี่ห้อ JUVEDERM , RESTYLANE, BELOTERO, PERFECTHA, NEURAMIS

ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย คืออะไร

สำหรับฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยที่สุดตอนยุคปัจจุปันก็คือ ฟิลเลอร์ประเภท hyaluronic acid เท่านั้น เพราะได้รับอนุญาตจาก FDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) เป็นสารเติมเต็มที่มีผลข้างเคียงน้อยมากสามารถสลายได้เองทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างภายในร่างกาย และหากฉีดออกมาไม่ชอบหรือมีปัญหาก็สามารถฉีดสลายออกได้หมดโดยใช้ สารสลายฟิลเลอร์ หรือ เอ็นไซม์ HYALURONIDASE ย่อยสลาย เพื่อสลายออก คุณสมบัติพิเศษของฟิลเลอร์ชนิดนี้นั้นแตกต่างจากฟิลเลอร์ชนิดกึ่งถาวรและถาวรที่ไม่สามารถสลายเองได้ หากไม่ต้องการจำเป็นจะอาศัยการผ่าหรือขูดออก ดังนั้นจึงทำให้ฟิลเลอร์แท้ชนิด hyaluronic acids มีราคาที่แพง เพราะปลอดภัยมากที่สุด

ฟิลเลอร์แท้ ย่อยสลายได้คืออะไร ฟิลเลอร์ปลอดภัยคือฟิลเลอร์ชนิดไหน?

4 สิ่งที่ควรรู้ก่อน ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ช่วยอะไรได้ ต้องรู้อะไรบ้าง?

เลือกฟิลเลอร์ อย่างไร ให้เหมาะกับวัยของตนเอง?

FILLER (ฟิลเลอร์) ยี่ห้อไหนดีที่สุด?

1.ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Neuramis 

เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์เกาหลีราคาน่ารักสบายกระเป๋าผลิตโดยคือ บริษัท medytox ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิต botox ยี่ห้อที่เรารู้จักกันดี คือ Neuronox นั่นเอง ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis รุ่นที่ได้รับอย.ไทย คือรุ่น deep แบบที่ไม่มียาชา (หากคนไข้พบฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้แต่เป็นรุ่นอื่นให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนได้เลยนะคะว่า อาจจะเป็นของปลอม) และด้วยความที่ยี่ห้อนี่เขาไม่มียาชามาให้ทำให้เวลาฉีดอาจจะเจ็บกว่ายี่ห้ออื่นนิดนึง (แต่ความเจ็บนี้จะแก้ได้ด้วยการทายาชาและเทคนิคการฉีดของแพทย์ค่ะ ถ้าแพทย์เชี่ยวชาญพอก็จะไม่ค่อยเจ็บ) สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน (แล้วแต่บุคคล) เหมาะสำหรับใช้ฉีดบริเวณร่องแก้ม ขมับ และคาง

2.ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Restylane

สำหรับฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้น Restylane สัญชาติสวีเดนที่มีความปลอดภัยสูงเพราะมีส่วนประกอบสำคัญที่ใกล้เคียงกับไฮยารูลอนิกแอซิดที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ จึงทำให้เกิดการแพ้หรือผลข้างเคียงน้อยมากกกก นิยมนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ถูกจดทะเบียนรับรองความปลอดภัยกับ อย.ไทยหลายรุ่นค่ะ เช่น

  • Restylane Perlane Lyft : มีส่วนผสมของยาชา เป็นเนื้อฟิลเลอร์คงตัวสูง ย่อยสลายได้เองและสามารถฉีดใหม่ได้เรื่อยๆ นิยมนำมาฉีดบริเวณใต้ตา จมูกได้ และแก้ม สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
  • Restylane Defyne : มีส่วนผสมของยาชาเช่นกัน เนื้อฟิลเลอร์เนื้อแข็งคล้ายเจล เหมาะสำหรับใช้ฉีดริ้วรอยลึก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ฉีดเสริมโหนกแก้ม สามารถอยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
  • Restylane Vital : รุ่นนี้ไม่มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กเหมาะสำหรับใช้ฉีด เช่น บริเวณใต้ตา หรือบริเวณหน้าผาก สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน
  • Restylane Vital Light : รุ่นนี้ไม่มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้เจลโมเลกุลเล็ก มีความนิ่มเหมาะแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา และเติมฟิลเลอร์ปาก สามารถอยู่นานประมาณ 4-6 เดือน
  • Restylane Volyme : มีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับใช้สำหรับแก้ปัญหาแก้มตอบ สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12-15 เดือน
  • Restylane Refyne : มีส่วนผสมของยาชา เนื้อฟิลเลอร์คล้ายเจลมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยลึกบริเวณแก้มหรือปาก เช่น ร่องลักยิ้ม ร่องมุมปาก สามารถอยู่นานประมาณ 12 เดือน
  • Restylane รุ่นนี้ไม่มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่เน้นการฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยที่มีปัญหาปานกลาง-มาก เช่น ร่องแก้ม ร่องขมวดคิ้วเป็นต้น สามารถอยู่นานประมาณ 18 เดือน
  • Restylane SubQ : เป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่นและหนักที่สุดในทุกๆ รุ่นของยี่ห้อนี้ มีคุณสมบัติให้การฟื้นฟูบริเวณผิวที่มีปัญหาหนักมากๆ แต่รุ่นนี้มักจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรในหมู่คนไข้ เนื่องจากเวลาฉีดจำเป็นจะต้องใช้เข็มปลายทู่ และเวลาฉีดจะเจ็บมากๆ เพราะเนื้้อยาแข็งมากค่ะ

ฟิลเลอร์ restylane เหมาะกับฉีดส่วนไหน

ฉีดฟิลเลอร์แก้ปัญหาใต้ตา

3. ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Juvederm 

แบรนด์อเมริกาที่ได้รับความนิยมสูงมาก มีมาตรฐานคุณภาพสูง จุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้คือมีส่วนผสมของ LIDOCAINE ซึ่งเป็นยาชาชนิดหนึ่งที่นอกจากจะช่วยลดความเจ็บแล้วยังช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายขณะฉีดอีกด้วย แก้ปัญหาได้หลากหลายจุด มีหลายรุ่น คือ 

  • Juvederm VOLUMA  คุณสมบัติพิเศษของรุ่นนี้คือ เนื้อฟิลเลอร์จะมีความเนื้อเจลมีความหนาแน่นและคงตัวได้ดี เมื่อฉีดเข้าไปจะทำให้ผิวเรียบเนียน ยกกระชับใบหน้า ไม่บวม ไม่ช้ำ เห็นผลเร็วทันทีที่ฉีด เหมาะสำหรับฉีดบริเวณขมับ แก้ม คาง และการปรับรูปหน้า สามารถอยู่นานประมาณ 24 เดือน

  • Juvederm VOLIFT เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนิ่มปานกลาง ไม่ไหลง่าย นิยมใช้ฉีดเพื่อเติมร่องลึกต่างๆ เช่น ขมับ ร่องน้ำหมาก ทำปากเป็นรูปกระจับ สามารถอยู่นานประมาณ 18 เดือน

  • Juvederm VOLBELLA  เนื้อฟิลเลอร์ให้ความสัมผัสคล้ายเจลนิ่มๆ  เหมาะสำหรับการฉีดแก้ไขบริเวณที่มีปัญหาไม่เยอะ หรือมีริ้วรอยบางๆ เช่น ริ้วรอยตื้นๆ บริเวณใต้ตา ฉีดเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก สามารถอยู่นานประมาณ 12 เดือน

  • Juvederm ULTRA XC เนื้อฟิลเลอร์นิ่ม เหมาะสำหรับใช้ฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกๆ เช่น ขมับ แก้ม ริ้วรอยลึก คาง และจมูก สามารถอยู่นานประมาณ 12 เดือน

  • Juvederm ULTRA PLUS XC เนื้อฟิลเลอร์คล้ายเจลมีความแน่นสูง นิยมใช้ปรับบริเวณที่ต้องการความอิ่มฟูเยอะๆ เช่น ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม คาง และปรับรูปหน้าเพราะให้ผลลัพธ์ที่สวยดูเป็นธรรมชาติ สามารถอยู่นานประมาณ 24 เดือน

  • Juvederm VOLITE   จุดเด่นของรุ่นนี้คือ เนื้อฟิลเลอร์มีความบางเบาสูง เมื่อฉีดเข้าไปแล้วส่งผลให้บริเวณที่ฉีดมีความชุ่มชื่น ฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดี ลดเลือนริ้วรอย รูขุมขนเล็กลง และยยังสามารถฉีดเข้าไปได้ลึกถึงผิวชั้น Dermis อีกด้วย เหมาะสำหรับฉีดแก้ไขผิวหน้า ลำคอ เนินอก และหลังมือ สามารถอยู่นานประมาณ 9 เดือน

ฟิลเลอร์ juvederm ดีอย่างไร เหมาะกับฉีดตรงไหน

4.ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Perfectha

ฟิลเลอร์สัญชาติฝรั่งเศส เป็นฟิลเลอร์สารเติมเต็มไฮยารูลอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) สามารถอุ้มน้ำได้ดี มีปริมาณ HA (Hyaluronic Acid) เข้มข้นสูง ทำให้คงอยู่ได้ยาวนาน สวยเป็นธรรมชาติ และจุดเด่นของยี่ห้อนี้คือ มีการกำจัดสารกระตุ้นการก่อมะเร็งสูง เหมาะสำหรับใช้แก้ไขปรับรูปหน้าให้มีความอ่อนวัย หน้าเด็ก เป็นที่นิยมของชาวเอเชียทั้งประเทศไทย ประเทศจีน และประเทศเกาหลี

  • Perfectha Subskin นิยมฉีดแก้ไขบริเวณคางและขมับ สามารถอยู่นานประมาณ 12-18 เดือน
  • Perfectha Deep นิยมใช้เติมบริเวณที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม เติมคาง ยกมุมปาก ริมฝีปาก สามารถอยู่นานประมาณ 8-12 เดือน
  • Perfectha Derm นิยมฉีดเติมริ้วร่องคิ้ว มุมปาก และริมฝีปาก สามารถอยู่นานประมาณ 6-12 เดือน
  • Perfectha Complement นิยมใช้เติมริ้วรอยที่ตื้นๆ ไม่ลึกมาก สามารถอยู่นานประมาณ 4-6 เดือน

5. ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Belotero Filler

ฟิลเลอร์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่มีจุดเด่น คือ กล่องจะมีสีสันสดใสบ่งบอกรุ่นแต่ละสูตรทำให้จดจำได้ง่าย มีส่วนประกอบสำคัญจาก Hyaluronic acid-HA และยังมีคุณสมบัติเป็นฟิลเลอร์ที่มีสารอุ้มน้ำทดแทนคอลลาเจนธรรมชาติบนใบหน้า ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดให้ความสวยงามดูเป็นธรรมชาติ เข้ารูปเร็ว ทุกรุ่นจะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน (แล้วแต่บุคคล) มีหลายรุ่นเช่นเดียวกันคือ 

  • สีเหลือง เหมาะสำหรับฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยบริเวณผิวชั้นนอก เช่น รอยตีนกา หน้าผาก ร่องลึกใต้ตา
  • สีส้ม เหมาะสำหรับฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยลึกปานกลาง เช่น ร่องระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยเหี่ยวย่นรอบริมฝีปาก
  • สีชมพู เหมาะสำหรับฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกมากๆ หรือมีปัญหามากๆ เช่น ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หรือฉีดเพื่อเติมรีมฝีปากให้อวบอิ่มแบบสายฝอ
  • สีม่วง เหมาะสำหรับฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาใบหน้าเพื่อปรับโครงสร้างของใบหน้า หรือผิวที่ไร้ความยืดหยุ่น เช่น บริเวณขมับ คาง และแก้ม 

5 วิธียืดอายุฟิลเลอร์ เคล็ดลับการรักษาฟิลเลอร์ให้อยู่นานๆ

ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่ กี่วันถึงจะเข้ารูป สวยเป๊ะทุกองศา!

ฉีดฟิลเลอร์ตรงไหนดี ช่วยเสริมใบหน้า ให้ดูสวยเป๊ะปัง มีมิติ

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด

ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อด้านบนที่หมอกล่าวไปทุกยี่ห้อจะเป็นฟิลเลอร์แท้ ได้รับการรับรองจาก อย. แล้วทั้งหมด ซึ่งทักยี่ห้อจะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึ่งกันคือสามารถเติมเต็มร่องลึก เติมเต็มใบหน้าส่วนที่ขาด และลดเลือนความหมองคล้ำริ้วรอยต่างๆ ได้ดีเช่นเดียวกัน ซึ่งหากถามว่าอันไหนดีที่สุดอาจจะตอบไม่ได้ค่ะ เพราะจะขึ้นอยู่กับว่าคนไข้สะดวกและพอใจกับราคาไหนมากกว่า เพราะฟิลเลอร์แต่ละชนิดจะมีระยะเวลาก่อนฟิลเลอร์สลายตัวและราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งหากเป็นคนที่อยากฉีดทีเดียวแล้วสวยยาวๆ ก็อาจจะเลือกฟิลเลอร์ที่มีเนื้อคงตัวไม่สลายเร็ว สวยนานกว่า แต่มีราคาแพงกว่า แต่ถ้าใครที่อยากลองฉีดก่อน หรือสะดวกจ่ายราคาสะบายกระเป๋าก็อาจจะเลือกฟิลเลอร์อีกแบบที่ถูกกว่า แต่จะสลายตัวเร็วกว่า ดังนั้นแนะนำให้ไปปรึกษากับคุณหมอที่คลนิกเพื่อรับคำแนะนำจะดีที่สุด แต่ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์แบบไหนก็ตาม ต้องระมัดระวังฟิลเลอร์ปลอมนะคะ

วิธีสังเกตฟิลเลอร์ของปลอม

ดังนั้น ฟิลเลอร์ปลอมที่หลายคนพลาดไปฉีดกันก็คือ ซิลิโคนเหลว นี่แหละค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าหลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชนิดเดียวกันกับฟิลเลอร์อยู่ทำให้พลาดไปฉีดกัน ในบางรายก็เกิดจากความไม่รู้จริงๆ เพราะถูกหลอกให้หลงเชื่อว่าเป็นของแท้ เพราะฟิลเลอร์ของปลอมเหล่านี้จะมีการเลียนแบบทำแพกเกจกล่องเหมือนของแท้แบบเป๊ะๆ ขนาดแกะกล่องออกมาขวดบรรจุฟิลเลอร์ยังทำเหมือนกันเลยค่ะ แต่ข้างในสารกึ่งซิลิโคนไม่ใช่สาร HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งผลก็คือหากฉีดเข้าไปไม่ย่อยสลาย หากไม่ใช่แพทย์ที่เชี่ยวชาญจริงๆ ก็อาจจะหลงเชื่อได้ ดังนั้นหมอจะมาสอนวิธีให้สังเกตกันง่ายๆ ว่า จับผิดฟิลเลอร์ของปลอมทำยังไง??

ฟิลเลอร์ปลอม หรือ ฟิลเลอร์แท้ดูยังไง

1.ราคา

หากจะดูว่าฟิลเลอร์ตัวนั้นปลอมหรือแท้ให้สังเกตที่ “ราคา” ก่อนเป็นอันดับแรกเลย หากพบว่าราคาถูกมากเกินไปให้สงสัยไว้ก่อนเลยค่ะว่า ฟิลเลอร์นั้นอาจจะเป็นของปลอม ดังนั้นคนไข้จึงไม่ควรเห็นแก่ของที่มีราคาถูกมากเกินไป เพราะนอกจากจะไม่ปลอดภัยเเล้วยังเสี่ยงอันตรายจากการเจอฟิลเลอร์ของปลอมอีกด้วย

2. ฉลากภาษาไทย

ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อที่จะที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย จะมีฉลากภาษาไทยระบุรายละเอียดของสินค้าติดไว้ทั้งราคาและวันหมดอายุอย่างชัดเจนที่ข้างกล่อง รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับสารฟิลเลอร์นั้นๆ หากฟิลเลอร์ชนิดไหน ไม่มีฉลากภาษาไทยในส่วนนี้ระบุอยู่ ก็อาจจะเสี่ยงเป็นของปลอมได้

3. มาตรฐานความปลอดภัย

ฉลากของฟิลเลอร์ของแท้นั้นจะมีการระบุถึงมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยจาก อ.ย. ไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นหากคุณต้องการฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัยและเกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มี อย. (องค์การอาหารและยา) รับรองจะดีที่สุด โดยฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย ทั้งหมดจะมียี่ห้อดังนี้ คือ  JUVEDERM , RESTYLANE, BELOTERO, PERFECTHA, NEURAMIS

4.ฟิลเลอร์ตามอินเตอร์เน็ต

เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นยาควบคุม ซึ่งตามปกติจะไม่มีขายตามร้านขายยาหรือร้านค้าทั่วไปโดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ต ในการสั่งซื้อยา ต้องเป็นแพทย์เท่านั้น และต้องยื่นหลักฐานหลายอย่างประกอบกัน อาทิเช่น ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาล ดังนั้นฟิลเลอร์ที่ขายในอินเทอร์เน็ต เป็นสิ่งที่ไม่ควรซื้อมาเลย เพราะว่าเสี่ยงเป็นฟิลเลอร์ปลอมมาก ซึ่งแม้หลายคนจะมีการแชร์วิธีการจับโป๊ะกันในโซเชียลกับวิธีในการสังเกตว่า “แท้ไม่แท้” กันมากมายหลายวิธี แต่หมอบอกเลยค่ะว่า เป็นส่วนนึงเท่านั้นเองเพราะ ของปลอมนั้นมีการดัดแปลงเหมือนมาก ต้องอาศัยแพทย์ที่มีการเชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์เท่านั้นค่ะ ถึงจะสามารถแยกแยะได้ ดังนั้นไม่ควรซื้อฉีดเองนะคะ

อันตรายจาก ฟิลเลอร์ปลอม เสี่ยงหน้าพัง ติดเชื้อ เนื้อตาย และตาบอด

วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ VS ฟิลเลอร์ปลอม วิธีสังเกตแบบเคลียร์ชัดว่าต่างกันอย่างไร

5.ผู้แอบอ้างเป็นแพทย์

ที่น่ากลัวกว่ายิ่งกว่าฟิลเลอร์ของปลอมก็คือ การฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มโดยผู้ที่แอบอ้างเป็นแพทย์หรือภาษาที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง หมอกระเป๋าหรือหมอปลอม ต้องบอกเลยนะคะว่า เป็นสิ่งที่อันตรายมากๆ เลย เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการใช้ฟิลเลอร์ของปลอมที่ไม่ย่อยสลายแล้ว ยังมีเรื่องของเทคนิคเฉพาะทางที่จำเป็นต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ฉีดให้เท่านั้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์นั้นจำเป็นต้องฉีดในจุดที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนมากๆ จเช่น บริเวณรอบดวงตา ดันนั้นหากฉีดผิดจุดไปอาจจะทำให้ผิวไม่เรียบเนียน ไปจนถึงอาจเสี่ยงต่อการอักเสบอีกด้วย

6 อันตรายจาก หมอกระเป๋า เตือนภัยสวยไวราคาถูก หมอปลอมทำหน้าพัง

6.แกะกล่องให้เห็นหรือไม่?

ในสถานประกอบการณ์หรือผู้แอบอ้างแพทย์บ้างรายอาจจะใช้ฟิลเลอร์แท้ให้การให้บริการ แต่จะใช้วิธี “การแบ่งใช้” คือ ในฟิลเลอร์ 1 กล่องอาจจะแบ่งใช้สำหรับลูกค้า 2 หรือ 3 คน ซึ่งการแกะเปิดกล่องใช้ฟิลเลอร์นั้นไม่ควรที่จะเก็บไว้ใช้อีกเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เพราะฟิลเลอร์นั้นจำเป็นจะต้องสดใหม่ เปิดแล้วควรทิ้งไม่ควรเก็บมาใช้อีก และนอกจากนี้การไม่แกะกล่องให้เห็นต่อหน้าอาจจะเป็นไปได้ว่า สถานประกอบการณ์หรือผู้ฉีดนั้นอาจจะ “เล่นตุกติก” นำฟิลเลอร์ปลอม (ที่ซื้อมาราคาถูก) มาย้อมแมวขายโดยใส่ในหลอดเดิม (หรือกล่องเดิม) เพื่อหลอกว่าเป็นของแท้ก็ได้ ซึ่งทางเดอโบคลินิกนั้น หมอจะใส่ใจเรื่องความมั่นใจของคนไข้ทุกคนเลยค่ะ ซึ่งในทุกๆ เคสนั้นหมอจะทำการเปิดฟิลเลอร์กล่องใหม่ “ต่อหน้า” คนไข้ก่อนฉีดทุกคนเพื่อให้มั่นใจได้เลยว่า เป็นของแท้ไม่ย้อมแมวแน่นอน

สิ่งที่ควรระวังสำหรับคนที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์

  • ต้องไม่เคยมีประวัติแพ้ฟิลเลอร์
  • ไม่มีประวัติแพ้ยาชา
  • ไม่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด
  • อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก หากมีตุ่มน้ำใสบริเวณริมฝีปาก หรือเป็นเริม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ตนเอง หรือ SLE ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษาทุกครั้ง ในกรณีที่ยังอยู่ในช่วงรับการรักษาตัวหรือโรคยังกำเริบอยู่ ไม่แนะนำให้เข้ารับการบริการ
  • ผู้ที่มีภาวะฟันผุ ติดเชื้อในช่องปาก ควรรักษาให้หายโดยทันตแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

ดูแลตัวเอง “หลัง” ทำการฉีดฟิลเลอร์

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด เช่น การจับ การแตะ การเกา การกด โดยเฉพาะจุดที่มีรอยช้ำ เพราะอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 7 วัน หากไม่ดีขึ้นต้องกลับมาพบแพทย์ค่ะ
  • อยู่ให้ห่างกับความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดดหนักๆ แต่คนไข้สามารถอยู่ในห้องในอุณหภูมิปกติ ไม่ต้องเปิดแอร์ได้ค่ะ
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 7 วัน
  • งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารแสลงหรืออาหารดิบ เช่น ปูเค็ม ปลาร้า แหนม ปลาดิบ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดนวดหน้า ทรีทเมนท์ และเลเซอร์ผิวหน้า อย่างน้อย 1 เดือน

** อ่านต่อ : วิธีดูแลตัวเอง หลังฉีดฟิลเลอร์ ใน 24 ชั่วโมง ต้องทำตัวยังไง **

อ่านรีวิวคนไข้คนอื่นๆ ของหมอโบ เดอโบคลินิกได้ที่นี่

ทำไมต้อง หมอโบ เดอโบคลินิก

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่ากว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” ( de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรบแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

  

อ่านบทความที่น่าสนใจได้ที่นี่

ฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่ VS เล็ก ทำหน้าที่ต่างกันยังไง ?

เคล็ดลับ สวยฉบับเร่งด่วน กู้ตาโทรม ดำคล้ำ ไม่กระชับ ภายใน 1 วัน

หน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ทาอะไรก็ไม่ดีขึ้น ต้องแก้ไขอย่างไร