หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี หากต้องเข้าคลินิกควรเลือกวิธีไหน?

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี เมื่ออายุเราเริ่มมากขึ้น แน่นอนว่าปัญหาผิวหน้าต่าง ๆ ก็จะรุมเร้าเข้ามาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฝ้า-กระ ปัญหาความหมองคล้ำ และอีกปัญหาหลัก ๆ คือ ความหย่อนคล้อยตามอายุที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ดี วิธีแก้ปัญหาโดยการยกกระชับผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงนั้นก็มีมากมายเช่นกัน ซึ่งในคลินิกเสริมความงามก็นับว่าเป็นสถานที่ที่รวบรวมวิธีการต่าง ๆ ดังกล่าวไว้หลายแบบทีเดียว แต่เราจะใช้วิธีไหนดีล่ะ? ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกันค่ะ

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี หากต้องเข้าคลินิคควรเลือกวิธีไหน?

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี มีวิธีไหนที่เหมาะกับเราบ้าง?

ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ค่อนข้างหลีกเลี่ยงยาก เพราะด้วย หลากปัจจัย หลายสาเหตุ ซึ่งบางครั้งก็หลีกเลี่ยงได้ยาก ฉะนั้นถ้าหากใครที่ไม่อยากมีแก้มห้อย เกิดริ้วรอย ร่องแก้ม หนังตาตก รีบดูแลตัวเองโดยเร็วที่สุดเลยค่ะ

หน้าหย่อนคล้อย เกิดจาก…

สาเหตุเหล่านี้จะทำให้ผิวหนังของเราเกิดความเสื่อมในการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ได้แก่

• อายุที่มากขึ้นทำให้แก้มหย่อนคล้อยไปตามวัย
• โดนแสงแดด เพราะในแสงแดดมีรังสี UV ที่เป็นตัวร้ายทำลายผิว
• มีความเครียดที่สะสมเป็นระยะเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นความเครียดเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
• การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือดูดบุหรี่เป็นประจำ

ปัญหาผิวหน้าของผู้หญิงแต่ละช่วงอายุ

เนื่องจากความหย่อนคล้อยของใบหน้าไม่ได้เป็นเพียงปัญหาเดียวที่เกิดขึ้น แต่ยังมีปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงแต่ละช่วงวัยอีกด้วย ดังนั้น คนไข้จำเป็นต้องทราบปัญหาอื่น ๆ ที่อาจเป็นต้นตอของความหย่อนคล้อย และทราบถึงช่วงอายุที่ต้องเริ่มดูแลตนเองเพื่อเป็นแนวทางการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นเอง ซึ่งปัญหาผิวหน้าแต่ละช่วงวัย มีดังนี้

ช่วงอายุ 20+

ปัญหาผิวจะเกิดตรงบริเวณชั้นผิวหนังแท้ โดยคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวหนังแท้ที่ทำให้ผิวหนังมีความเรียบตึง กระชับ และยืดหยุ่น เกิดการเสื่อมสลายไป มีการสร้างใหม่น้อยลง ผิวเริ่มมีริ้วรอยและเกิดความหย่อนคล้อย ผิวหน้าดูไม่สดใสเหมือนวัยรุ่น

ช่วงอายุ 30+

พอเข้าสู่เลข 3 ปัญหาในชั้นผิวหนังแท้เริ่มมีมากขึ้น เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินถูกทำลายมากขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับผิวชั้นนอกสุดหรือชั้นหนังกำพร้ามีการผลัดตัวช้าลง ทำให้ผิวดูหยาบกร้านมากยิ่งขึ้น จึงเริ่มเห็นริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้ชัดเจนขึ้น

ช่วงอายุ 40+

มาถึงวัย 40 ชั้นผิวเริ่มอ่อนแอมากขึ้น ปัญหาผิวได้ลงลึกไปถึงชั้นไขมันโดยมีการเสื่อมสลายไป ไม่หนาแน่นเหมือนในวัยเด็ก ทำให้ผิวเกิดการยุบตัว หรือที่เราเรียกว่า Baby Fat หายไปนั่นเอง นอกจากนี้เนื้อเยื่อพังผืดที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ ซึ่งทำหน้าที่โอบอุ้มผิวให้มีความกระชับได้รูป เริ่มเสื่อมสภาพและอ่อนแรง ทำให้การพยุงผิวแย่ลง รูปหน้าจึงเริ่มหย่อนคล้อย

ช่วงอายุ 50+

พอเข้าสู่วัยนี้ ปัญหาผิวได้ลงลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ริ้วรอยยิ่งลึก ผิวหนังเริ่มบางลง รูปหน้าเริ่มเปลี่ยน เพราะมีการหย่อนคล้อยมาก โครงสร้างของใบหน้าอย่างกระดูกเกิดการยุบตัวลงตามธรรมชาติ ทำให้บางคนมีรูปหน้าไม่สมส่วน บางส่วนดูตอบ หรือดูบุ๋มลงไปได้

  

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี  4 แนวทางที่นิยมในคลินิก

ปัจจุบันนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยชะลอวัย รวมทั้งแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นตัวช่วยที่สามารถหยุดเวลาให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ ตึงกระชับได้อย่างยาวนาน

ซึ่งถ้าจะพูดถึงเทคนิคในการยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือปัญหาผิวแห่งวัยต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ถือว่ามีหลายวิธีมากเลยทีเดียว วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ 4 วิธีแก้ปัญหา หน้าหย่อนคล้อย ยกหน้าให้ตึงกระชับ แบบที่ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด แถมเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วทันใจ  ประกอบด้วย

1.อัลเทอร่า Ulthera

เครื่องมือยกกระชับผิวที่หลายคนน่าคุ้นเคยกัน เพราะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถช่วยยกผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินได้อีกด้วย ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือนลง ใบหน้ากลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง แบบที่ไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้าเลยทีเดียว

โดยอัลเทอร่า Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง ในรูปแบบอัลตราซาวด์ที่มีความเฉพาะเจาะจง (Focus Ultrasound) เข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกถึงระดับ SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ผ่าตัดดึงหน้า แต่ให้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติกว่า แถมยังไม่ต้องเจ็บตัวและไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย โดยคลื่นนี้เมื่อลงสู่ผิวจะกลายเป็นพลังงานความร้อนจุดเล็ก ๆ เข้าไปกระตุ้นชั้น SMAS ที่เสื่อมสภาพให้เกิดการหดตัว และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อย ยกกระชับขึ้น ใบหน้าเรียว กรอบหน้าคมชัดมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวเรียบเนียน ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวหน้ากลับมาดูอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้ง

ซึ่งผลลัพธ์ของการทำอัลเทอร่าหลังทำเสร็จทันทีจะเห็นได้ชัดเลยว่า ใบหน้ายกขึ้นกว่า 10-15 % โดยผิวจะได้รับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังจากทำอัลเทอร่า จนเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าที่ดีขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้นานกว่า 1-2 ปีเลยทีเดียว   

Ulthera เหมาะกับใคร

  • คนที่ผิวหน้าหย่อนคล้อย : ขาดความกระชับ มีปัญหาหางคิ้ว หางตาตก
  • คนที่ต้องการปรับรูปหน้า : ให้กรอบหน้าคมชัด ใบหน้ามีความเรียวกระชับ ดูมีมิติมากขึ้น
  • คนที่มีริ้วรอย : ผิวเหี่ยวย่น อยากให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึงมากขึ้น
  • คนที่ผิวเสื่อมสภาพ : อยากฟื้นฟูผิวหน้าอย่างล้ำลึก เพื่อให้ผิวหน้าแข็งแรง ดูสุขภาพดีมากขึ้น
  • คนที่ไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า : ไม่อยากเจ็บตัว หรือไม่มีเวลาพักฟื้นนาน ๆ

2. เทอร์มาจ Thermage

อีกหนึ่งเครื่องมือยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้อย่างมีมิติ ช่วยแก้ปัญหาแก้มห้อย ลดการสะสมของไขมันบริเวณกรอบหน้า เหนียง ที่ทำให้กรอบหน้าไม่ชัด แถมยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างล้ำลึก กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน ให้ผิวเรียบเนียน เปล่งปลั่ง สุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วย

โดยเทอร์มาจ Thermage เป็นเทคโนโลยีที่ปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency หรือ RF) ไปยังชั้นผิวระดับ dermis จนถึงระดับชั้นที่อยู่ของคอลลาเจน อิลาสติน และชั้นไขมัน เมื่อพลังงาน RF ลงสู่ผิวจะกลายเป็นพลังงานความร้อนกระจายเข้าไปกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น ฟื้นฟูให้เส้นใยคอลลาเจนมีเกลียวที่แน่นตึง รวมถึงกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวกระชับ แน่นเฟิร์ม ไม่ห้อยย้อยเหมือนก่อน ช่วยลดไขมันสะสม แก้ม เหนียงลดลง กรอบหน้าชัดขึ้น และช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง ยืดหยุ่น ดูสุขภาพดี เพราะผิวได้รับการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าทำเทอร์มาจเพียงเครื่องมือเดียว แต่ให้ผลลัพธ์ถึง 3 ต่อ ทั้งยกกระชับผิว ฟื้นฟูสภาพผิวอย่างล้ำลึก และช่วยลดไขมันสะสม

ซึ่งผลลัพธ์ของการทำเทอร์มาจหลังทำเสร็จจะเห็นได้ทันทีเลยว่า ใบหน้ายกกระชับขึ้นกว่า 15-20% ผิวเฟิร์มขึ้น แก้มไม่ห้อยเหมือนก่อนทำ ซึ่งผิวจะได้รับการฟื้นฟูและกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นผลอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดใน 1-3 เดือน และคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปีเลยทีเดียว

Thermage เหมาะกับใคร

  • คนที่กรอบหน้าไม่ชัด : ผิวไม่กระชับ มีปัญหาแก้มห้อย หรือผิวไม่แน่นเหมือนก่อน
  • คนที่มีไขมันสะสม : มีแก้ม มีเหนียง ต้องการลด หรือสลายไขมันให้มีขนาดเล็กลง ให้ใบหน้าเรียวเล็กขึ้น
  • คนที่สภาพผิวเสื่อมโทรม : อยากฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวกลับมายืดหยุ่น ดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี
  • คนที่ไม่ต้องการผ่าตัด : ไม่อยากเสี่ยงอันตรายจากการดูดไขมัน หรือไม่มีเวลาพักฟื้นนาน ๆ

3. โบท็อก Botox

วิธีปรับรูปหน้าที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง โบท็อก นอกจากจะช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อ ให้ใบหน้าเรียวเล็กลง และช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวเรียบเนียนได้แล้ว การฉีดโบท็อกยังสามารถช่วย ยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย หรือที่เรียกว่า การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า

โดยแพทย์จะใช้สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ฉีดเข้าไปยังบริเวณกล้ามเนื้อที่ดึงให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยลง กล้ามเนื้อชนิดนี้จะพาดอยู่ตั้งแต่บริเวณกรอบหน้าลงไปยังบริเวณลำคอ ซึ่งสารโบท็อกจะออกฤทธิ์ไปคลายการดึงรั้งของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ส่งผลให้ใบหน้ายกกระชับ กรอบหน้าชัดดูมีมิติ และเรียวเล็กมากขึ้น โดยผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลิฟหน้าสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด และใบหน้าจะยกขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพภายใน 1-2 สัปดาห์ คงอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือนเลยทีเดียว

Botox เหมาะกับใคร

  • คนที่ผิวหย่อนคล้อย : ทั้งบริเวณใบหน้า และบริเวณคอ ต้องการยกกระชับผิวให้เต่งตึงมากขึ้น
  • คนที่มีริ้วรอย : ต้องการให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึงขึ้น ให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนกว่าวัย
  • คนที่มีปัญหาหน้าใหญ่ : สามารถฉีดร่วมกับโบท็อกลดกรามให้ใบหน้าเรียวเล็กมากยิ่งขึ้น

4. ฟิลเลอร์ Filler

หลายคนอาจจะคิดว่าฟิลเลอร์เป็นการเติมร่อง ริ้วรอยให้ดูเต็มมากขึ้น อย่างเช่นร่องใต้ตา ร่องแก้ม หรือปรับรูปหน้า เช่นเติมคาง เติมปากให้อวบอิ่ม แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะฟิลเลอร์ยังสามารถฉีดเพื่อช่วยยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย โดยในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ มีเทคนิคใหม่ที่คิดค้นโดยแพทย์ APEX เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยเป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับการทำงานของกล้ามเนื้อ สามารถช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย รูปหน้าไม่เท่ากัน ร่องริ้วรอยต่าง ๆ

โดยเทคนิคนี้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาบนใบหน้าได้อย่างครบถ้วน และได้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพกว่าการฉีดแบบเดิม ๆ ที่ฉีดตรงไปยังจุดที่เป็นปัญหา ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดูแข็ง เคลื่อนไหวได้ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อ ยังทำให้ใบหน้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ และผลลัพธ์การยกกระชับออกมาสวย ละมุนมากยิ่งขึ้น

Filler เหมาะกับใคร

  • คนที่มีผิวหน้าคล้อยลง : ยกกระชับใบหน้า ให้ดูเต่งตึง ใบหน้าเรียวสวย และกลับมาดูอ่อนเยาว์
  • คนที่มีปัญหาร่อง ริ้วรอย : แก้ปัญหาร่องแก้ม ร่องใต้ตา ที่ทำให้ใบหน้าแก่กว่าวัย ดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น
  • คนที่ไม่ต้องการผ่าตัด : เพียงแค่ฉีดก็สามารถปรับรูปหน้า ลดร่อง ริ้วรอย ได้แบบไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น

เลือกทำเทคนิคไหนดีกว่ากัน?

ทั้ง 4 เทคนิคที่เราได้แนะนำไปข้างต้น ถือเป็นตัวช่วยในการแก้ปัญหาใบหน้าที่เป็นที่นิยมและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน แก้ปัญหาเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย หรือริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย ซึ่งถ้าถามว่าควรเลือกทำวิธีไหนดีกว่ากัน? คงต้องบอกว่า ควรเลือกจากปัญหาใบหน้าของเราเป็นหลัก เพื่อแก้ไขได้อย่างตรงจุดของปัญหา และได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

อย่างไรก็ดี  ทุกเทคนิคที่กล่าวมาสามารถทำควบคู่ไปด้วยกันได้ทั้งหมดเลยค่ะ เพราะเมื่อผิวของเราเริ่มมีปัญหาแห่งวัย (aging) ความเสื่อมของผิวจะไม่ได้อยู่ที่ชั้นใดชั้นหนึ่ง แต่จะเสื่อมลงในทุก ๆ ชั้นผิว ดังนั้นปัญหาผิวหน้าของคนไข้บางคนอาจจะต้องใช้หลายวิธีเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และวางแผนการรักษาของคนไข้แต่ละคนให้อย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้คนไข้เกิดคำถามในใจว่า หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี  อีกต่อไป

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ผลข้างเคียงจากฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง? ใครอยากฉีดก็ต้องรู้

อยากฉีดฟิลเลอร์ ต้องทำยังไง การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์

ยกกระชับหน้าด้วยฟิลเลอร์ สวยทันที ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด

นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ