ร่องแก้มลึกฉีดอะไร? เชื่อได้ว่าเป็นคำถามที่ผู้ประสบปัญหาเรื่องริ้วรอยร่องแก้มอยากทราบกันอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะทราบอยู่แล้วว่าวิธีการแก้ไขปัญหาร่องแก้มนั้นมีหลายวิธี ซึ่งส่วนใหญ่หากไม่ได้ปรับพฤติกรรมเสี่ยงในการเพิ่มร่องลึกด้วยตนเองก็จะเป็นวิธีแก้ปัญหาทางการแพทย์ที่นำเทคนิคของหัตถการต่าง ๆ เข้าช่วยซึ่งก็มีหลายวิธีอีกเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนได้ทราบถึงข้อมูลในส่วนนี้ หมอโบก็มีคำตอบมาฝากค่ะ
ร่องแก้มลึกฉีดอะไร มีริ้วรอยเห็นชัดจนขาดความมั่นใจ ต้องแก้ด้วยวิธีไหนจึงจะเอาอยู่?!
ร่องแก้มลึก ปัญหาปวดใจของสาวหลายๆ คนที่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ก็เริ่มถามหาและปรากฏบนใบหน้า สร้างความรำคาญใจและก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเองจนกลายเป็นปัญหาภายในจิตใจ วันนี้หมอโบจะมาพูดคุยเรื่องนี้พร้อมแนะวิธีแก้ไขให้ฟังกันค่ะ
ร่องแก้มลึก เกิดจากอะไร?
ปัญหาร่องแก้ม หรือ รอยย่นที่แก้ม โดยส่วยใหญ่มักเกิดจากปัจจัยด้านอายุค่ะ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ใต้ผิวก็จะเริ่มเสื่อมสภาพทำให้เกิดหย่อนคล้อยบนใบหน้า โดยริ้วรอยที่เห็นได้ชัดและเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของผู้หญิงนั่นก็คือ ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม เพราะทำให้ดูมีอายุกว่าความเป็นจริง นอกจากปัจจัยด้านอายุแล้ว ริ้วรอยร่องแก้มยังเกิดจากพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การไม่ทาครีมกันแดดทำให้ใบหน้าโดนทำลายด้วยแสง UV การสูบบุหรี่เป็นประจำทำให้ส่งผลต่อโครงสร้างผิว และในบางรายที่มีเนื้อบริเวณใต้ตาเยอะ หรือแก้มเยอะๆ ก็อาจทำให้เนื้อตรงส่วนนั้นหย่อนคล้อยลงมาจนทำให้เกิดร่องลึกที่ไม่สวยงามได้
วิธีแก้ ร่องแก้มลึก มีกี่วิธี?
สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่องแก้มเห็นชัดนั้นสามารถแก้ได้ด้วยหลายวิธีค่ะ เช่น…
1.ปรับเปลี่ยนท่านอน
ใครที่ชอบนอนหันข้างหรือนอนตะแคงบ่อยๆ หากไม่อยากมีริ้วรอยก่อนวัย ควรหลีกเลี่ยงนอนท่านอนหันข้างเพราะการนอนท่านี้ทำให้ใบหน้าถูกกดทับทำให้เกิดรอยย่นลึก วิธีที่ถูกต้องคือ ควรจะนอนหงายจะดีที่สุดค่ะ
ท่านอนต้องห้าม!! ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัย ต้องหลีกเลี่ยง
2.เลือกอาหารการกิน
เมื่ออายุมากขึ้น ควรใส่ใจเรื่องอาหารอย่างมากค่ะ เพราะสารอาหารบางชนิดไม่สามารถผลิตได้เมื่ออายุมากขึ้น ควรเลือกทานอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี รวมถึงเกลือแร่ เพราะวิตามินเหล่านี้ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นได้ดี และต้องไม่ลืมดื่มน้ำเปล่าให้ครบวันละ 8 แก้วเพื่อป้องกันผิวขาดน้ำค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ทานปลาร้าได้มั้ย ส้มตำ ของหมักดอง อาหารทะเล ต้องงดกี่วัน?
หน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ทาอะไรก็ไม่ดีขึ้น ต้องแก้ไขอย่างไร
3.ทาครีมกันแดด
เนื่องจากแดดและแสง UV เป็นสัตรูตัวร้ายของผิว ที่ไม่ได้ทำให้ผิวหมองคล้ำเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยอีกด้วย ดังนั้นหากต้องออกไปข้างนอก ต้องไม่ลืมทาครีมกันแดดบริเวณใบหน้าและลำคอเป็นประจำนะคะ
เคล็ดลับดูแลผิวหน้าร้อน ออกแดดได้ไม่หวั่นผิวเสีย
4.ฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยเป็นวิธีที่ยอดฮิตที่หลายคนเลือกใช้กันค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยลดเลือนริ้วรอยกวนใจแล้ว ยังมีผลพลอยได้คือช่วยให้ใบหน้าเรียวเล็ก ช่วยกระชับแก้มและยังช่วยลดเลือนริ้วรอยให้จางหาย วิธีนี้สามารถเห็นผลหลังการฉีดประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ
5.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่าง
ใครที่มักจะการนอนดึก และอยู่ในภาวะเครียดบ่อยๆ จำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงให้มาก เพราะว่าปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้า-เช็ดหน้าแรง ๆ สูบบุหรี่ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นให้ริ้วรอยลึกกว่าเดิมค่ะ
6.ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
สำหรับผู้ที่มีปัญหารอยลึกตรงร่องแก้ม ริ้วรอยลึกร่องแก้มนั้นด้วยการฉีดฟิลเลอร์นั้น ก็เป็นอีกวิธีที่ฮิตไม่แพ้โบท็อกซ์เลยค่ะ เพราะว่าได้ผลไว ปลอดภัย และแก้ปัญหาได้ตรงจุดกว่า การฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มจะใช้วิธีการฉีด 2 แบบด้วยกัน คือ ฉีดหนุนที่บริเวณกระดูกร่องแก้ม และฉีดที่ร่องแก้มโดยตรง วิธีนี้จำเป็นที่จะต้องแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์และกำหนดบริเวณที่ต้องฉีดเพื่อให้ได้ผลแม่นยำ และแก้ปัญหาร่องลึกได้ตรงจุดที่สุด
ซึ่งแต่ละคนก็สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองและนำไปปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้ค่ะ
“ฟิลเลอร์ร่องแก้ม” วิธีแก้แบบได้ผลจริง!
สำหรับใครที่ไม่อยากให้ริ้วรอยบริเวณแก้มเกิดขึ้นมาเร็ว สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ การทาครีมบำรุงเป็นประจำ (ถึงแม้ว่า สาว ๆ หลายคนจะรู้สึกขี้เกียจที่ต้องลุกขึ้นมาทาครีมบำรุง แต่เชื่อหมอโบเถอะค่ะ ว่ามันดีกับผิวเราจริง ๆ ) อย่าลืมทากันแดดด้วยนะคะ อันนี้สำคัญมากลืมไม่ได้เด็ดขาด การทาครีมกันแดดนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องทาเฉพาะตอนที่ต้องออกไปเจอแดดนอกบ้านเท่านั้นนะคะ เพราะรังสี UV นั้นไม่ได้มีเฉพาะที่แดดค่ะ แต่มีแฝงอยู่ในทุก ๆ ที่ เช่น ในที่ร่ม ในอาคาร แสงจอคอม แสงจากโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากค่ะ
นอกจากนี้ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ทานอาหารหวาน และอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป อย่าลืมดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่าวันละ 2 ลิตรด้วย เพราะน้ำจะช่วยเติมให้ผิวมีความชุ่มชื้น ช่วยให้คอลลาเจนในผิวหนังมีความยืดหยุ่น ไม่แก่ก่อนวัยค่ะ ซึ่งวิธีที่กล่าวมานี้จะเห็นผลมาก ๆ สำหรับสาว ๆ ในวัย 20 – 25 ปี แต่สำหรับสาวใหญ่ที่มีอายุ 30 – 35 ปี วิธีนี้อาจจะได้ผลไม่มาก เนื่องจากช่วงอายุที่มากกว่า และปริมาณการผลิตคอลลาเจนในร่างกายมีการผลิตน้อยลงสู้สาว ๆ ไม่ได้ ดังนั้นหากต้องการให้ใบหน้าสวยเนียน เด้งเป๊ะ อาจจะต้องใช้ตัวช่วยดี ๆ อย่าง “ฟิลเลอร์” เข้าช่วยเหลือค่ะ
ฟิลเลอร์คืออะไร?
ฟิลเลอร์นั้นเป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบที่สำคัญจากสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (hyaluronic acid) มีหน้าที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยส่วนต่าง ๆ ได้ทั้งริ้วรอยลึกและตื้นให้ดูดี ผิวเรียบเนียน มีความเด้งดึ่ง เต่งตึง ฉ่ำน้ำ ทำให้ในปัจจุบันนิยมใช้ฟิลเลอร์ในการแก้ปัญหาให้หลากหลายพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็น รอยย่น ริ้วรอยรอบดวงตา รอยหมองคล้ำใต้ตา เพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก ปรับโครงหน้า เสริมคาง เติมขมับ แถมยังปลอดภัย 100% เพราะสารไฮยาลูโรนิคแอซิดสามารถสลายตัวได้ภายใน 6 เดือน – 2 ปี (แล้วแต่ปริมาณที่ฉีดและการดูแลตัวเองของคนไข้) ทำให้มั่นใจว่าไม่มีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ในร่างกายแน่นอนค่ะ
อยากฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ต้องฉีดอย่างไร?
สำหรับผู้ที่มีปัญหารอยลึกตรงร่องแก้ม จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และวิเคราะห์โครงหน้าก่อนว่าต้องใช้การฉีดแบบใด เพราะใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มจะใช้วิธีการฉีด 2 แบบ ด้วยกัน คือ
- ฉีดหนุนที่บริเวณกระดูกร่องแก้ม : วิธีนี้แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเพื่อเสริมให้ร่องแก้มที่ลึกดูตื้นขึ้น หรือในบางรายที่มีเนื้อใต้ตาเยอะ กระดูกร่องแก้มเสื่อมสภาพลง ตัวฟิลเลอร์ก็จะเข้าไปหนุนร่องลึกตรงจุดนี้ แล้วดึงผิวหนังให้ตึงขึ้น ร่องแก้มที่ลึกก็จะตื้นขึ้นมาทันทีอย่างเห็นได้ชัด
- ฉีดที่ร่องแก้มโดยตรง : สำหรับวิธีนี้จะเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะจุดสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มเกิดริ้วรอย รอยย่น หรือรอยพับของผิวหนังบนใบหน้า ซึ่งการฉีดด้วยวิธีนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์ และกำหนดบริเวณที่ต้องฉีด เพื่อให้ได้ผลแม่นยำ และแก้ปัญหาร่องลึกได้ตรงจุดที่สุด
ซึ่งนี่เป็นเพียงขั้นตอนของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ ซึ่งแต่ละสถานที่ให้บริการอาจมีมากหรือน้อยกว่านี้ตามมาตรฐานของแต่ละที่ค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีผลข้างเคียงหรือไม่?
ในการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละครั้งจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกาย หากใช้ผลิตภัณฑ์ของฟิลเลอร์แท้ที่มีคุณภาพและตามมาตรฐาน อย. ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น สารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบสารที่ร่างกายผลิตออกมาอยู่แล้ว ทำให้ไม่เป็นผลเสียต่อร่างกายและยังสามารถสลายตัวไปเองได้ภายใน 1-2 ปี (แล้วแต่บุคคล) แต่สำหรับผู้ที่ฉีดแล้วพบว่าเกิดอาการบวม หรือคลำเจอก้อนหลังฉีดก็ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ เพราะอาการบวมนั้นสามารถยุบได้เอง และจะกลับมาเนียนเรียบแบบเดิมในที่สุด
วิธีดูแลตัวเอง “ก่อน”ทำการฉีดฟิลเลอร์
- ควรงดทานยา แอสไพริน, NSAIDs เช่น ibruprofen diclofenac ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำ และหากมีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาจำพวกนี้ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนหยุดทานนะคะ
- งดการทานวิตามินบางชนิด เช่น St. Johns Wort, ginko biloba,Vitamin E เวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำ
- หยุดการแว็กซ์ผิว ผลัดผิว หรือการดึงขนหรือโกนขนในบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนมาทำ
- ห้ามนวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ อย่างน้อย 3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนทำ
- ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ เช่น ซาวน่า การออกกำลังกายแบบ Cardio
ดูแลตัวเอง “หลัง” ทำการฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด เช่น การจับ การแตะ การเกา การกด โดยเฉพาะจุดที่มีรอยช้ำ เพราะอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 7 วัน หากไม่ดีขึ้นต้องกลับมาพบแพทย์ค่ะ
- อยู่ให้ห่างกับความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ 7 วัน
- งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารแสลงหรืออาหารดิบ เช่น ปูเค็ม ปลาร้า แหนม ปลาดิบ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดนวดหน้า ทรีทเมนท์ และเลเซอร์ผิวหน้า อย่างน้อย 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการเสริมความงามเฉพาะทาง ดังนั้น ผู้ที่ต้องการฉีดควรเลือกสถานพยาบาล หรือคลีนิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ และชำนาญการด้านผิวหนังโดยเฉพาะ สิ่งที่ต้องตรวจอย่างละเอียดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดว่าได้มาตรฐานและเป็นของแท้หรือไม่ ควรสอบถามหรือตรวจสอบด้วยตนเองทุกครั้ง เพราะการใช้ฟิลเลอร์แท้ รวมถึงแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจะไม่เกิดความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงตัวผู้ฉีดเองก็จะมั่นใจได้ว่าใบหน้าของเราจะสวยงาม ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยตามที่ต้องการด้วย
ทำไมต้องเลือก หมอโบ เดอโบคลินิก ในการเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ร่องปาก
แม้จะมีหลายคลินิกที่เปิดให้บริการการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แต่ที่เดอโบคลินิกของเรานั้นก็มีคุณสมบัติหลายประการที่ทำให้คนไข้ทุก ๆ คนสามารถมั่นใจในการเข้ารับบริการจากเราได้ค่ะ
1.ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก่อนจะกลับมาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” ( de beau clinic) และยังได้รับรางวัลคลินิกที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดติดอันดับ ท็อป 5 ของประเทศไทย ปี 2018 และคลินิกที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย 3ปีซ้อน, 2016-2018 จากบริษัท Allergan และ Galderma อีกด้วย
2.ยืนหนึ่งเรื่องความละเอียด เนียน เป๊ะ!!!
คนไข้แวะเวียนเข้ามาที่ “เดอโบคลินิก” ต่างรีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน และเป๊ะมาก!” เพราะว่าในทุกๆ ขั้นตอนหมอโบจะสอบถามถึงปัญหา ซักประวัติต่างๆ รวมถึงการตรวจดูรูปหน้าของคนไข้เพื่อให้การฉีดนั้นเกิดการผิดพลาดน้อยที่สุด และเพื่อให้ผลลัทธ์หลังฉีดออกมาสวยเนียนกริ๊บแบบธรรมชาติ ดังนั้นสามารถมั่นใจได้แน่นอนว่า “ฉีดกับหมอโบ ไม่สวย ไม่เนียน ไม่เป๊ะ! หมอไม่ให้กลับบ้านนะคะ”
3.เทคนิคพิเศษเฉพาะ “หมอโบ” เท่านั้น!
นอกจากความใส่ใจรายละเอียดเพื่อความสวยที่สุดแล้ว หมอโบยังทำให้คนไข้ที่เคยฉีดกับหมอ “ติดใจ” ทุกรายจนต้องกลับมาทำซ้ำก็คือ หมอมีความมือเบา และมีเทคนิคพิเศษที่เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว บนหน้าจะไม่มีร่องรอยเข็มหรือจะไม่เกิดรอยช้ำหลังฉีดบนใบหน้าเลย ทำให้เมื่อฉีดเสร็จแล้วสามารถนัดเพื่อนไปช้อบปิ้งต่อได้เลยแบบไม่ต้องกลัวจับโป๊ะได้ด้วยค่ะ
4.ฟิลเลอร์แท้
ฟิลเลอร์ที่หมอโบเลือกใช้เป็น “ฟิลเลอร์แท้” นำเข้าจากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจากองค์กรอาหารและยา (อย.ไทย) เท่านั้น คือ ยี่ห้อ JUVEDERM และ RESTYLANE ซึ่งก่อนฉีดหมอจะทำการแกะกล่องต่อหน้าคนไข้ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่า ฟิลเลอร์ที่หมอใช้นั้นเป็นของแท้ ไม่มีการสอดไส้หรือหลอกลวงด้วยค่ะ
วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ VS ฟิลเลอร์ปลอม วิธีสังเกตแบบเคลียร์ชัดว่าต่างกันอย่างไร
5.ปรึกษาได้ทุกเวลา
สำหรับคนที่เป็นคนไข้ของหมอโบ หรือ ผู้ที่กำลังตัดสินใจว่าจะฉีดดีมั้ย? สามารถปรึกษาหมอโบได้ตลอดนะคะ เพราะหมอยินดีให้คำแนะนำตลอดไม่ว่าจะเป็นการนัดเข้ามาสอบถามเองที่คลินิก หรือจะ INBOX เข้ามาในเพจ หรือช่องทาง Line ก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะที่ De Beau Clinic หมอโบดูแลเคส ให้คำปรึกษาเองทุกเคส ซึ่งทุกๆ การปรึกษา “ไม่มีค่าใช้จ่าย” เลยด้วยค่ะ
ช่องทางการติดต่อ De Beau Clinic
ทำไมต้อง หมอโบ เดอโบคลินิก?
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่ากว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรบแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เคล็ดลับ สวยฉบับเร่งด่วน กู้ตาโทรม ดำคล้ำ ไม่กระชับ ภายใน 1 วัน
วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ VS ฟิลเลอร์ปลอม วิธีสังเกตแบบเคลียร์ชัดว่าต่างกันอย่างไร
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดห้ามทำอะไร เทคนิคการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์