ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี? เชื่อได้ว่าเป็นคำถามที่ผู้ประสบปัญหาเรื่องริ้วรอยร่องแก้มอยากทราบกันอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะทราบอยู่แล้วว่าวิธีการแก้ไขปัญหาร่องแก้มนั้นมีหลายวิธี ซึ่งส่วนใหญ่หากไม่ได้ปรับพฤติกรรมเสี่ยงในการเพิ่มร่องลึกด้วยตนเองก็จะเป็นวิธีแก้ปัญหาทางการแพทย์ที่นำเทคนิคของหัตถการต่าง ๆ เข้าช่วย โดยเฉพาะ “การฉีดฟิลเลอร์” ที่ก็จะมียี่ห้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันออกไปให้ได้เลือก เพื่อให้สาว ๆ สามารถเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ได้ตอบโจทย์กับปัญหามากที่สุด ในบทความนี้มีคำตอบค่ะ
ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี เลือกยี่ห้อไหนถึงจะตอบโจทย์กับเรามากที่สุด?
ร่องแก้มลึก ปัญหาปวดใจของสาวหลาย ๆ คนที่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ ก็เริ่มถามหาและปรากฏบนใบหน้า สร้างความรำคาญใจและก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเองจนกลายเป็นปัญหาภายในจิตใจ วันนี้หมอโบจึงจะมาแนะวิธีแก้ไขพร้อมยี่ห้อฟิลเลอร์ที่สาว ๆ ควรรู้จักให้ฟังกันค่ะ
ร่องแก้มลึก เกิดจากอะไร?
ปัญหาร่องแก้ม หรือ รอยย่นที่แก้ม โดยส่วยใหญ่มักเกิดจากปัจจัยด้านอายุค่ะ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ใต้ผิวก็จะเริ่มเสื่อมสภาพทำให้เกิดหย่อนคล้อยบนใบหน้า โดยริ้วรอยที่เห็นได้ชัดและเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของผู้หญิงนั่นก็คือ ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม เพราะทำให้ดูมีอายุกว่าความเป็นจริง นอกจากปัจจัยด้านอายุแล้ว ริ้วรอยร่องแก้มยังเกิดจากพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การไม่ทาครีมกันแดดทำให้ใบหน้าโดนทำลายด้วยแสง UV การสูบบุหรี่เป็นประจำทำให้ส่งผลต่อโครงสร้างผิว และในบางรายที่มีเนื้อบริเวณใต้ตาเยอะ หรือแก้มเยอะๆ ก็อาจทำให้เนื้อตรงส่วนนั้นหย่อนคล้อยลงมาจนทำให้เกิดร่องลึกที่ไม่สวยงามได้
“ฟิลเลอร์ร่องแก้ม” วิธีแก้แบบได้ผลจริง!
สำหรับใครที่ไม่อยากให้ริ้วรอยบริเวณแก้มเกิดขึ้นมาเร็ว สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ การทาครีมบำรุงเป็นประจำ (ถึงแม้ว่า สาว ๆ หลายคนจะรู้สึกขี้เกียจที่ต้องลุกขึ้นมาทาครีมบำรุง แต่เชื่อหมอโบเถอะค่ะ ว่ามันดีกับผิวเราจริง ๆ ) อย่าลืมทากันแดดด้วยนะคะ อันนี้สำคัญมากลืมไม่ได้เด็ดขาด การทาครีมกันแดดนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องทาเฉพาะตอนที่ต้องออกไปเจอแดดนอกบ้านเท่านั้นนะคะ เพราะรังสี UV นั้นไม่ได้มีเฉพาะที่แดดค่ะ แต่มีแฝงอยู่ในทุก ๆ ที่ เช่น ในที่ร่ม ในอาคาร แสงจอคอม แสงจากโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากค่ะ
นอกจากนี้ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ทานอาหารหวาน และอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป อย่าลืมดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่าวันละ 2 ลิตรด้วย เพราะน้ำจะช่วยเติมให้ผิวมีความชุ่มชื้น ช่วยให้คอลลาเจนในผิวหนังมีความยืดหยุ่น ไม่แก่ก่อนวัยค่ะ ซึ่งวิธีที่กล่าวมานี้จะเห็นผลมาก ๆ สำหรับสาว ๆ ในวัย 20 – 25 ปี แต่สำหรับสาวใหญ่ที่มีอายุ 30 – 35 ปี วิธีนี้อาจจะได้ผลไม่มาก เนื่องจากช่วงอายุที่มากกว่า และปริมาณการผลิตคอลลาเจนในร่างกายมีการผลิตน้อยลงสู้สาว ๆ ไม่ได้ ดังนั้นหากต้องการให้ใบหน้าสวยเนียน เด้งเป๊ะ อาจจะต้องใช้ตัวช่วยดี ๆ อย่าง “ฟิลเลอร์” เข้าช่วยเหลือค่ะ
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม มียี่ห้อไหนน่าสนใจบ้าง มาดูกัน!!
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ยี่ห้อไหนดี แนะนำให้ใช้แบรนด์ Juvederm และ Restylane เพราะทั้ง 2 แบรนด์นี้เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพ และ ความปลอดภัย
1.ฟิลเลอร์ Juvederm
จูวีเดิม เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกา หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อว่า ฟิลเลอร์เมกา นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand จูวีเดิมเป็นกรดไฮยาลูโรนิก HA (Hyaluronic acid) ที่ช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเหมือนวิธีการรักษาปัญหาริ้วรอยแบบอื่น ตัวฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นเจลเนื้อเนียนใสคล้ายคริสตัล จูวีเดิมมีหลายรุ่นด้วยกันค่ะ ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อปัญหาเฉพาะจุดโดยเฉพาะ จูวีเดิมได้รับการรับรองจาก FDA ของไทยและสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยต่อร่างกายแน่นอนค่ะ นอกจากจะเป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูงแล้ว จุดเด่นของจูวีเดิมอีกอย่างหนึ่งก็คือตัวฟิลเลอร์จะมีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับใครก็ตามที่กลัวเจ็บ ฉีดตัวนี้ได้สบายใจแน่นอนค่ะ
ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น เหมาะกับจุดไหนบ้าง
ต้องบอกก่อนนะคะว่าจูวีเดิมมีเทคนิคการผลิตทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่ เทคโนโลยี Hylacross ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การอุ้มน้ำได้ดีและมีความยืดหยุ่นสูง ผลลัพธ์หลังการฉีดจึงช่วยให้ผิวเรียบเนียนและมีความยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้เนื้อฟิลเลอร์ยังมีความฟูมาก สามารถเติมร่องลึกได้เป็นอย่างดี รวมถึงตำแหน่งที่ไขมันหายไปเป็นจำนวนมากอีกด้วย จึงเหมาะสำหรับตำแหน่งผิวที่มีการขยับบ่อย ๆ อย่างร่องแก้ม ส่วนเทคโนโลยี Vycross เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อมาจาก Hylacross มีจุดเด่นเรื่องโมเลกุลที่ยึดเกาะและการยกกระชับ มีอัตราการบวมน้ำน้อยมาก จึงมีคุณสมบัติยกกระชับผิวได้ดี ผิวเรียบเนียน สำหรับฟิลเลอร์จูวีเดิมมีหลากหลายรุ่นและมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปดังต่อไปนี้
- Juvederm Ultra XC เนื้อฟิลเลอร์จะมีความเรียบเนียน ฟูน้ำได้ดีมาก เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยลึกบริเวณแก้มตอบ ขมับ จมูก ร่องมุมปาก และคาง สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 8-12 เดือน
- Juvederm Ultra plus XC ตัวฟิลเลอร์ผลิตโดยเทคโนโลยี Hylacross เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะนิ่มฟูมาก มีความคงตัวสูง มีส่วนช่วยในการปรับริ้วรอยบนใบหน้าให้เรียบเนียน ปานกลางถึงรุนแรง รอยพับรอบจมูก ขมับ และปาก สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Volbella เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนุ่มนิ่มที่สุดเพราะมีโมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยเติมความเรียบเนียนให้ผิวแต่ยังคงผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติเอาไว้ ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน เหมาะสำหรับบริเวณใต้ตาและหน้าผาก สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Volift เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนิ่มและละเอียด ไม่ไหลง่าย ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่มีผิวบางอย่างใต้ตา ร่องน้ำหมาก ร่องแก้ม เพราะช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาและเบ้าตาโหล รวมถึงปรับ Volume ปากได้ดีทีเดียว สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12-18 เดือน
- Juvederm Volite เนื้อฟิลเลอร์จะมีความละเอียดสูงที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ของจูวีเดิมทั้งหมด ตัวเนื้อฟิลเลอร์เบาบาง สามารถกลืนกินกับผิวได้เป็นอย่างดี ฉีดเข้าไปยังชั้นหนังแท้ได้ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและลดรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลง เหมาะสำหรับบริเวณที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ ริมฝีปาก ใต้ตา และลำคอ สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 6-8 เดือน
- Juvederm Voluma จัดเป็นรุ่นตัวท็อปยอดนิยมของจูวีเดิมเลยก็ว่าได้สำหรับ Juvederm Voluma เนื้อฟิลเลอร์จะมีความแน่น เรียบเนียน เนื้อฟูระดับปานกลาง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ อีกทั้งมีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับเติมบริเวณที่มีปัญหาง่ายอย่างใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ คาง แก้ปัญหาแก้มตอบ ขมับตอบได้เป็นอย่างดี สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 18-24 เดือน
- Juvederm Volux เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ของจูวีเดิมทั้งหมด ข้อดีของฟิลเลอร์รุ่นนี้จะอยู่ที่การกลืนกับผิวได้ดี ช่วยให้มีเนื้อสัมผัสเบา ขึ้นรูปสวยงาม คงรูปได้ดี แถมยังยกกระชับได้อีกด้วยค่ะ เหมาะสำหรับการปรับแนวขากรรไกร กระดูกกราม คาง ช่วยเพิ่มความยาวและเน้นให้กรอบหน้าดูชัดยิ่งขึ้น สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 18-24 เดือน
2.ฟิลเลอร์ Restylane
เรสเทอเลนเป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อแรกของโลกจากประเทศสวีเดนที่ผ่านการรับรองจาก FDA ว่ามีความปลอดภัยสูง เรสเทอเลนมีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ที่ช่วยให้กรดไฮยาลูโรนิก หรือ HA (Hyaluronic acid) เหมาะกับบริเวณที่ฉีดและเพิ่มระยะเวลาของฟิลเลอร์ให้คงอยู่บนใบหน้าได้นานยิ่งขึ้น เนื้อเจลมีความพอดี ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป สามารถสลายได้หมดเองในผิวหนังตามธรรมขาติ แถมยังไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาว อีกทั้งเหมาะสำหรับผิวของคนเอเชียโดยเฉพาะเนื่องจากตัวเจลจะกลืนตัวไปกับผิวพรรณได้อย่างเรียบเนียน
ฟิลเลอร์ Restylane มีกี่รุ่น อะไรบ้าง
เรสเทอเลนมีวิธีการผลิตฟิลเลอร์โดยใช้เทคโนโลยี 2 ประเภท ได้แก่ NASHA technology และ OBT Technology ซึ่งทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้จะมีส่วนผสมของยาชาด้วยกันทั้งสิ้น สำหรับ NASHA technology (Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ตัวฟิลเลอร์มีความคงตัวเฉพาะจุด สามารถขึ้นทรงได้ดี แถมยังไม่กลืนตัวกับผิวข้างเคียงอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนา ผิวแข็งแรง สำหรับรุ่นที่ผลิตด้วยวิธีนี้ได้แก่ Restylane classic, Restylane Lyft, Restylane Vital และ Restylane Vital Light ส่วนเทคโนโลยีที่สองคือ OBT Technology (Optimal Balance Technology) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ตัวเนื้อเจลปรับได้ตามการเคลื่อนไหวของคนไข้ มีความยืดหยุ่นมากกว่าเทคโนโลยีแบบแรก เมื่อฉีดแล้วจะดูไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง
สำหรับใครที่ต้องการผลลัพธ์หลังการฉีดที่ดี หมอโบการันตีว่าดราใช้ฟิลเลอร์ Restylane ให้แก่ผู้เข้ารับการรักษาทุกคนค่ะ
ในปัจจุบันเรสเทอเลนมีทั้งหมด 8 รุ่น ได้แก่ Restylane Classic, Restylane Defyne, Restylane Kysse, Restylane Perlane Lyft, Restylane Refyne, Restylane Vital, Restylane Vital Light และ Restylane Volyme โดยแต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างในด้านการใช้งานดังต่อไปนี้
- Restylane Classic เนื้อเจลมีโมเลกุลใหญ่รองลงมาจาก Restylane Lyft เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใต้ตาผิวชั้นลึก ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีผิวบางโดยเฉพาะ สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 8-12 เดือน
- Restylane Defyne ตัวฟิลเลอร์นิ่มระดับปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดบริเวณปาก มุมปาก ร่องแก้ม และแก้มตอบ สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 18 เดือน
- Restylane Kyss ตัวฟิลเลอร์มีเนื้อละเอียด มีความคงตัว เหมาะสำหรับฉีดบริเวณปากโดยเฉพาะ ช่วยให้ปากอวบอิ่ม ชุ่มชื้น สีปากดูสดใส สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน
- Restylane Perlane Lyft ตัวฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง คงรูปได้ดี เหมาะสำหรับฉีดบริเวณคาง ใต้ต้า และแก้มส้ม สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน
- Restylane Refyne ตัวฟิลเลอร์จะเป็นเนื้อเจลที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก มีความยิดหยุ่นสูง เนื้อเจลกลืนกับผิวได้ดี เหมาะสำหรับฉีดบริเวณปาก มุมปาก และร่องแก้ม สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 8-12 เดือน
- Restylane Vital ตัวฟิลเลอร์มีเนื้อละเอียด ปรับความชุ่มชื้นได้ดี ผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีดบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา หน้าผาก มีหลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบ สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 8 เดือน
- Restylane Vital Light ตัวฟิลเลอร์มีเนื้อละเอียด มีโมเลกุลเบาและมีอนุภาคขนาดเล็ก เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใต้ตาผิวชั้นตื้น ใต้ตา และริมฝีปาก สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน
- Restylane Volyme เนื่อเจลจะมีความอ่อนนุ่ม ขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง สามารถฉีดได้บริเวณใต้ตา แก้มและคาง ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึงมากขึ้น สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 18 เดือน
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา ทุก ๆ คนคงเห็นแล้วว่าฟิลเลอร์ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ไม่ว่าจะเป็น Juvederm หรือ Restylane ก็ตาม ก็จะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกัน ทำให้เหมาะแก่การแก้ปัญหาเฉพาะจุด ดังนั้นจะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน ก่อนเข้ารับบริการ เราควรจะต้องพิจารณาว่าเราต้องการแก้ไขปัญหาส่วนไหนหรือต้องการแต่งเสริมเพิ่มเติมส่วนใดจึงจะเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะสมที่สุดนั่นเองค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ทำไมต้อง De Beau Clinic
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้จะเป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้รับรองจากอย.ไทย คือ ยี่ห้อ JUVEDERM , RESTYLANE ประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่งในฟิลเลอร์ไม่มั่นใจได้เลยว่า “สวย” เสี่ยงมากน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บทความที่น่าสนใจ
- ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน มีวิธีถนอมฟิลเลอร์อย่างไรบ้าง
- ฉีดฟิลเลอร์ หน้าเด็กจริงไหม ดูแลหลังฉีดอย่างไร หมอโบมีคำตอบ
- ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นตุ่มใสๆ อันตรายมั้ย ดูแลตัวเองอย่างไรดี