ถึงแม้ว่าสาเหตุของการเกิดขอบตาดำคล้ำนั่นจะเกิดได้หลากหลายสาเหตุ เช่น การใช้ชีวิต การอดนอน การขาดการบำรุง ฮอร์โมนและอายุ แต่ปัญหา “ขอบตาดำเพราะภูมิแพ้” ก็เป็นปัญหาคาใจสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาอันดับต้นๆ ที่เข้ามาปรึกษาหมอโบเลยค่ะ เนื่องจากแก้ไขได้ยากและยังสร้างความไม่มั่นใจอีกด้วย วันนี้หมอโบจึงจะมาเล่าถึงปัญหาข้อนี้กันค่ะ
ขอบตาดำเพราะภูมิแพ้ เกิดจากอะไร?
ขอบตาดำคล้ำจากอาการภูมิแพ้ เป็นผลข้างเคียงมาจากเกิดจากร่างกายที่เมื่ออาการกำเริบขึ้นก็มักจะแสดงอาการคับหรือระคายเคืองบริเวณรอบๆ ดวงตา (หรือบางรายอาจจะมีน้ำมูกไหล จามบ่อยๆ) ทำให้เกิดการจับ เกา ขยี้ตาเพื่อบรรเทาอาการคัน ซึ่งเมื่อเราขยี้ตาบ่อยๆ เนื้อเยื่อบริเวณตาก็จะอักเสบเนื่องจากผิวบริเวณนี้บอบบางมาก ทำให้ร่างกายปล่อย “สารฮีสตามีน” ออกมา โดยสารชนิดนี้จะเข้าไปยังเนื้อเยื่อรอบๆ ที่เกิดอาการอักเสบจากการโดนชยี้ และเมื่อร่างกายหลั่งสารชนิดนี้อกมาเยอะๆ ร่างกายจึงต้องกระตุ้นให้หลอดเลือดนำเลือดไปเลี้ยงเยอะขึ้น ซึ่งเลือดที่นำไปเลี้ยงนั้ก็เป็นเลือดที่มาจากหลอดเลือดดำ จึงทำให้เกิดขอบตาดำดูคล้ำมากนั่นเอง
ในคนไข้บางรายมีขอบตาที่คล้ำมาจนน่ากลัว มักจะกังวลว่าเป็นอาการที่บ่งบอกถึงโรคร้ายหรือไม่? … ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ เพราะนั่นไม่ใช่อาการที่บ่งบอกของโรคร้าย เพียงแต่อาจจะส่งผลกระทบในจิตใจมากกว่าเพราะคนที่มีขอบตาดำคล้ำมักจะดูเหมือนคนที่นอนไม่พอและดูโทรม แก่กว่าวัยค่ะ
4 วิธีบอกลาใต้ตาแพนด้า ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก แบบถาวร!
ขอบตาดำ ทาครีมก็ไม่หาย นอนเท่าไรก็ไม่พอ ต้องทำอย่างไร?
ปรับโหงวเฮ้งดวงตา แก้หนังตาตก หย่อนคล้อย ด้วยฟิลเลอร์
วิธีแก้ปัญหา ขอบตาดำคล้ำเพราะโรคภูมิแพ้
- หลีกเลี่ยงการจับ เกา ขยี้ตาบ่อยๆ เพราะการกระทำเหล่านี้เป็นการทำให้เนื้อเยื่อบริเวณตาอักเสบ ยิ่งส่งผลให้ขอบตาคล้ำมากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อไม่ให้แสงแดดกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังมากเกินไป และอย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน
- เลือกหมอนที่สูงกว่าปกติ ใครที่ติดการนอนหมอนเตี้ยๆ ควรเปลี่ยนหมอนให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพราะการนอนหมอนสูงๆ จะมีส่วนช่วยลดของเหลวที่สะสมอยู่บริเวณใต้ตาให้น้อยลง ทำให้รอยคล้ำใต้ตาชัดขึ้น แต่ไม่ควรเลือกหมอนที่สูงเกินไปนะคะ เพราะอาจจะทำให้ปวดคอได้
- งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงใครที่สูบบุหรี่ด้วยยิ่งต้องรีบงด (หรือลด) การสูบบุหรี่ค่ะ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้เป็นตัวเร่งให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังให้กลายเป็นรอยคล้ำใต้ตา
- บำรุงผิวใต้ตา เช่นการทาอายครีม มาสก์หน้าด้วยมากส์ใต้ตาหรือแตงกวาเพื่อลดรอยบวมและลดรอยคล้ำใต้ตาได้
- ดื่มน้ำบ่อยๆ วันละ 2 ลิตร หรือไม่น้อยกว่า 8 แก้วต่อวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวยืดหยุ่นดี
- ทำเลเซอร์ เพื่อลดเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง แต่วิธีนี้มักจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรค่ะ
- ฟิลเลอร์ บริเวณใต้ตา เป็นวิธีที่รวดเร็ว ได้ผลดีมากๆ และยังเป็นที่นิยมของคนไข้ด้วยค่ะ เพราะว่า นอกจากจะช่วยแก้ปัญหารอยคล้ำใต้ตาแล้ว ยังสามารถลดริ้วรอยรอบๆ ตา ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์ด้วยค่ะ
5 วิธียืดอายุฟิลเลอร์ เคล็ดลับการรักษาฟิลเลอร์ให้อยู่นานๆ
เนื้อตาย หลังฉีด ฟิลเลอร์ คืออะไร อันตรายแค่ไหน?
อ่านรีวิวคนไข้คนอื่นๆ ของหมอโบ เดอโบคลินิกได้ที่นี่
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่ากว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรบแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
อ่านบทความที่น่าสนใจได้ที่นี่
4 จุดฉีดฟิลเลอร์ อันตราย ก่อนฉีดต้องคิดให้หนัก!
ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาเป็นก้อน เป็นลำ สาเหตุเกิดจากอะไร?
อันตรายจาก ฟิลเลอร์ปลอม เสี่ยงหน้าพัง ติดเชื้อ เนื้อตาย และตาบอด