การฉีด ฟิลเลอร์คาง เป็นอีกหนึ่งวิธีการเสริมความงาม หรือปรับรูปคางให้สวยงามมากยิ่งขึ้น สาเหตุสำคัญที่วิธีนี้ได้รับความนิยม เพราะใช้เวลาไม่นาน วิธีการง่ายกว่าการผ่าตัดคาง และพักฟื้นไม่นาน ทำให้หลายๆ คนที่มีปัญหาเรื่องการเสริมคาง หรือปรับรูปคาง มาใช้การฉีดฟิลเลอร์คางมากทีเดียว แต่การฉีดฟิลเลอร์คางยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่ควรรู้ก่อนฉีดอีกมากมาย ลองมาทำความรู้จักกันก่อนตัดสินใจได้เลย
ฟิลเลอร์คาง ช่วยแก้ปัญหาคางสั้นหรือไม่ได้รูป
ส่วนใหญ่แล้วการฉีด ฟิลเลอร์คาง มักจะใช้แก้ปัญหาผู้ที่มีคางสั้น หรือคางผิดรูปเล็กน้อย ซึ่งสำหรับผู้ที่มีคางสั้น ฟิลเลอร์จะช่วยเข้าไปเสริม ทำให้คางยาวขึ้นเล็กน้อย และใบหน้าจะดูเรียวยาวขึ้นมาทันที ส่วนผู้ที่มีคางผิดรูปต้องให้แพทย์วินิจฉัย และตรวจสอบรูปคางก่อนว่าควรฉีดเสริมในจุดใด จากนั้นจึงค่อยลงจุดตามที่แพทย์ระบุและฉีดเพื่อปรับคางให้เรียวสวยงามค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์คางต้องฉีดอย่างไร?
อันดับแรกแพทย์จะวิเคราะห์โครงหน้า และรูปคางก่อนว่าเป็นอย่างไร จากนั้นจึงจะกำหนดจุดว่า ควรฉีดเสริมตรงส่วนไหนเพื่อให้ออกมาเข้ากับใบหน้ามากที่สุด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ที่คางใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ 30 นาทีก็เสร็จแล้ว รอให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวสักพัก จากนั้นก็กลับบ้านได้ และสามารถออกงานได้เลย
หากต้องการฉีดฟิลเลอร์คางต้องระวังอะไรหรือไม่?
การฉีดฟิลเลอร์คางค่อนข้างเป็นจุดที่ต้องให้ความสำคัญและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นอย่างมากไม่แพตำแหน่งอื่นๆ เลยค่ะ เพราะตำแหน่งตรงคางจะมีกล้ามเนื้อมัดหนึ่งที่มีชื่อว่า Mentalis ซึ่งถ้าหากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญไม่พอ ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง หรือหากไม่ลึกมากพอ จะทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้ดึงฟิลเลอร์มารวมกัน ทำให้กลายเป็นก้อน เวลายิ้มแล้วดูไม่สวยงาม และคางจะดูผิดรูปแต่ถ้าหากแพทย์มีความเชี่ยวชาญ ฉีดได้ถูกจุด คางจะเรียวยาว เป็นรูปสวยงาม หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถออกงานได้ทันที ส่วนฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดมักมีอายุประมาณ 12-18 เดือน จึงจะสลายตัว แต่ระหว่างนั้นมีส่วนไหนยุบก็สามารถฉีดเติมได้เช่นกัน
ฉีดฟิลเลอร์ ทำไมต้องเลือก หมอโบ เดอโบคลินิก
ฉีดฟิลเลอร์คางต้องฉีดเยอะหรือไม่?
การฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง และทุกบริเวณบนใบหน้า แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยเองทุกครั้งว่าผู้รักษาควรฉีดกี่ cc เพราะใบหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น จำนวนฟิลเลอร์ที่ได้รับก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะฉีดกันโดยประมาณที่ 1 cc
ไขข้อข้องใจฉีดฟิลเลอร์คาง ปลอดภัยหรือไม่
โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์เป็นการเสริมความงามที่ไม่มีอันตราย หากสารที่ใช่เป็นฟิลเลอร์แท้ที่มาจากสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งใช้ในการฉีดเป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบสารที่ร่างกายผลิตออกมาอยู่แล้ว ทำให้ไม่เป็นผลเสียต่อร่างกายและสามารถสลายตัวไปเองได้ แต่หากสารที่ฉีดเข้าไปไม่ใช่ฟิลเลอร์แท้ แต่เป็นซิลิโคนเหลว ก็ต้องทำการปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไขโดยการผ่าตัดออกค่ะ เพราะในระยะยาวซิลิโคนเหลวจะทำปฏิกิริยากับร่ายกายมนุยษ์ทำให้ไหลมารวมกัน เกิดเป็นรอยขรุขระ ห้อยย้อย ไม่เรียบเนียน และไม่สามารถสลายออกไปได้ นอกจากเข้ารับการผ่าตัดเพื่อขูดออกเท่านั้น
ฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นก้อน เบี้ยว ผิดรูป ควรทำอย่างไร
แต่สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก็คือ คลีนิก และแพทย์ผู้ทำการฉีดต้องได้มาตรฐาน แพทย์มีความรู้เฉพาะทางเรื่องใบหน้าเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะฉีดได้ถูกจุดแล้ว ยังลดความเสี่ยงจากการเกิดผลข้างเคียงในรูปแบบต่างๆ ด้วย
ควรฉีดฟิลเลอร์คางที่ไหนดี?
อย่างแรก สิ่งที่ต้องตรวจอย่างละเอียดคือ ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดในคลีนิกดังกล่าวว่าได้มาตรฐาน และเป็นของแท้หรือไม่ ควรสอบถาม หรือตรวจสอบด้วยตนเองทุกครั้ง เพราะควรเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้แทนใช้ซิลิโคนเหลวเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาในอนาคต รวมถึงควรเลือกแพทย์ผู้ฉีดที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันจะไม่เกิดความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงตัวผู้ฉีดเองก็จะมั่นใจได้ว่าใบหน้าของเราจะสวยงาม ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยตามที่ต้องการด้วย
วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ VS ฟิลเลอร์ปลอม วิธีสังเกตแบบเคลียร์ชัดว่าต่างกันอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการเสริมความงามที่ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดำเนินการ ผู้ที่ต้องการรับการรักษาควรเลือกสถานพยาบาล หรือคลีนิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์เองต้องมีความเชี่ยวชาญและชำนาญการด้านผิวหนัง ราคาค่าบริการไม่ควรถูกจนเกินไป ควรเช็คราคามาตรฐานตามท้องตลาดด้วย เพราะถ้าหากมีราคาค่อนข้างถูก อาจมีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาก็เป็นได้ค่ะ
วิธีดูแลตัวเอง “ก่อน”ทำการฉีดฟิลเลอร์
- ควรงดทานยา แอสไพริน, NSAIDs เช่น ibruprofen diclofenac ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำ และหากมีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาจำพวกนี้ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนหยุดทานนะคะ
- งดการทานวิตามินบางชนิด เช่น St. Johns Wort, ginko biloba,Vitamin E เวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำ
- หยุดการแว็กซ์ผิว ผลัดผิว หรือการดึงขนหรือโกนขนในบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนมาทำ
- ห้ามนวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ อย่างน้อย 3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนทำ
- ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ เช่น ซาวน่า การออกกำลังกายแบบ Cardio
4 สิ่งที่ควรรู้ก่อน ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ช่วยอะไรได้ ต้องรู้อะไรบ้าง?
ดูแลตัวเอง “หลัง” ทำการฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด เช่น การจับ การแตะ การเกา การกด โดยเฉพาะจุดที่มีรอยช้ำ เพราะอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 7 วัน หากไม่ดีขึ้นต้องกลับมาพบแพทย์ค่ะ
- อยู่ให้ห่างกับความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ 7 วัน
- งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารแสลงหรืออาหารดิบ เช่น ปูเค็ม ปลาร้า แหนม ปลาดิบ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดนวดหน้า ทรีทเมนท์ และเลเซอร์ผิวหน้า อย่างน้อย 1 เดือน
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดห้ามทำอะไร เทคนิคการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
อ่านรีวิวคนไข้คนอื่นๆ ของหมอโบ เดอโบคลินิกได้ที่นี่
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่ากว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรบแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
อ่านบทความที่น่าสนใจได้ที่นี่
ฉีดฟิลเลอร์ ให้ปลอดภัย filler ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์คืออะไร ดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดต้องทำอย่างไร
5 วิธียืดอายุฟิลเลอร์ เคล็ดลับการรักษาฟิลเลอร์ให้อยู่นานๆ
8 อาการแพ้ฟิลเลอร์ อันตรายมากมั้ย วิธีสังเกตและควรแก้ไขอย่างไร