ตาแพนด้า ตาแรคคูน เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาแบบเร่งด่วนบ้างมั้ย

หนึ่งในปัญหากวนใจหลาย ๆ คนที่ใคร ๆ ก็สังเกตเห็นได้เป็นอันดับแรก ๆ บนใบหน้านั่นคือปัญหาใต้ตาคล้ำ หรือที่ใครหลายคนเรียกกันว่าตาแพนด้า หรือตาแรคคูน นั่นเอง ว่าแต่ปัญหานี้เกิดจากอะไร มีวิธีรักษา รวมถึงวิธีป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้นกับเราได้บ้าง วันนี้หมอโบจะมาเล่าให้ฟังค่ะ

ตาแพนด้า

ตาแพนด้า ตาแรคคูน คืออะไร

คือความผิดปกติของผิวหนังบริเวณรอบตาที่เกิดจากเส้นเลือดรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวกพอ จนทำให้เส้นเลือดดำขยายตัว หรืออาจเกิดจากเม็ดสีสะสมบริเวณใต้ตามากกว่าปกติและเกิดการอักเสบบริเวณผิวใต้ดวงตา เห็นเป็นรอยคล้ำบริเวณใต้ตา แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่อาจลดความมั่นใจต่อผู้ที่มีปัญหาดังกล่าวได้ ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวสามารถหายได้เอง เพียงแต่อาจใช้เวลาในการรักษาซักระยะหนึ่งค่ะ

ตาแพนด้าเกิดจากอะไร

1. พันธุกรรมและเชื้อชาติ

หากคนในครอบครัวเช่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายมีใต้ตาคล้ำลูกหลานก็อาจมีใต้ตาคล้ำได้เช่นกัน นอกจากนี้อาจเกิดกับผู้ที่มีเชื้อสายอินเดียหรืออาหรับ ได้เนื่องจากเป็นเชื้อสายที่มีลักษณะใต้ตาคล้ำมากกว่าเชื้อชาติอื่น

2. อายุมากขึ้น

รู้หรือไม่ว่าไขมันในร่างกายของคนเราจะฝ่อลงเมื่ออายุมากขึ้น รวมไปถึงไขมันที่อยู่ระหว่างผิวหนังและกล้ามเนื้อรอบดวงตาด้วยนะคะ และเมื่อไขมันบริเวณดังกล่าวฝ่อตัวลงส่งผลให้ผิวหนังรอบดวงตาคล้ำลงตามไปด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงกระดูกและไขมันยุบตัวลงด้วย ส่งผลให้เกิดถุงใต้ตาและร่องตาลึกจนเห็นใต้ตาคล้ำอีกด้วยค่ะ

3. พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนน้อยเนื่องจากอ่านหนังสือสอบ เล่นเกม ดูซีรีส์ข้ามวันข้ามคืน ทำงานกะกลางคืนหรือทำงานไม่เป็นเวลา รวมไปถึงการจ้องหน้าจอคอมหรือใช้สายตามากเกินไปด้วยเช่นกันค่ะ ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเสียสมดุล ระบบไหลเวียนเลือดจึงทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร และก่อให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาในที่สุด

4. โรคภูมิแพ้

สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จะทำให้เส้นเลือดดำบริเวณรอบดวงตาขยายใหญ่กว่าปกติ และก่อให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณรอบดวงตา เป็นเหตุให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ต้องขยี้ตาบ่อยกว่าคนทั่วไปและกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีบริเวณผิวรอบดวงตาสร้างเม็ดสีมากขึ้น

5. แสงแดด

เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตามีความบอบบางมากเมื่อสัมผัสกับแสงแดดบ่อย ๆ ก็ทำให้ผิวใต้ตาบางลงและมองเห็นเส้นเลือดตาดำชัดเจนยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังรวมถึงการได้รับรังสียูวี จากแดดบ่อยบ่อยสักกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวบริเวณใต้ดวงตาให้มากขึ้น

6. ปานดำใต้ดวงตา

ในกรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วัยเด็กโดยเด็กที่มีปานแต่กำเนิดชนิดปานโอตะจะมี ผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นสีดำลามไปจนถึง หน้าผากและแก้ม

ตาแพนด้า ตาแรคคูน รักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง

กรณีที่มีใต้ตาคล้ำจาก การนอนหลับพักผ่อนน้อย หมอโบแนะนำให้ปรับการนอนให้เป็นเวลาโดยเวลาที่เหมาะสมต่อการนอนมากที่สุดคือ ช่วงสามถึงสี่ทุ่ม เนื่องจากเป็นช่วงที่ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหลังจากการนอนหลับ แต่หากคุณนอนหลับยากเนื่องจากความเครียดสะสมแนะนำให้หางานอดิเรกทำหรือปรึกษาแพทย์หากพบว่ามีปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

2. รักษาโรคภูมิแพ้ของตัวเอง

กรณีที่เกิดจากโรคภูมิแพ้แนะนำให้รักษากับแพทย์เฉพาะทางโดยตรง โดยแพทย์จะจ่ายยากระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกายและแนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่เราแพ้ซึ่งจะช่วยให้รอยคล้าใต้ตาค่อย ๆ จางลง

3. ประคบใต้ตาด้วยผลผลิตจากธรรมชาติ

สำหรับใครที่มีผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่างแตงกวา, ใบบัวบก, ว่านหางจระเข้, มะขามเปียก ก็สามารถนำมาประคบใต้ตาก่อนนอนแล้วทิ้งข้ามคืนไว้ได้ เลยค่ะ หากทำเป็นประจำแล้วจะช่วยลดปัญหาใต้ตาคล้ำได้อย่างแน่นอนเพียงแต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดใต้ตาอย่างเร่งด่วนหนึ่งผู้ที่ไม่อยากเสียเวลารอผลลัพธ์ที่ค่อนข้างนานกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น

4. ฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ คือการฉีดสารเติมเต็มหรือสารไฮยารูโลนิก Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปยังบริเวณใต้ดวงตาเพื่อเพิ่มปริมาณชั้นไขมันใต้ดวงตาทำให้ชั้นผิวหนัง, หลอดเลือด และกล้ามเนื้อมีปริมาณเพิ่มขึ้น มีระยะห่างมากขึ้น ส่งผลให้เห็นสีคล้ำบริเวณหลอดเลือดและกล้ามเนื้อใต้ดวงตาลดลงค่ะ

ใต้ตาหมองคล้ำ ขอบตาดำ แก้ไขได้! ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดตาแพนด้า

  • นอนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเต็มที่
  • จัดการความเครียดให้เหมาะสม ไม่ให้มีผลต่อการใช้ชีวิตมากจนเกินไปจนไม่สามารถนอนหลับได้เหมือนคนทั่วไป กรณีที่รู้สึกเครียดแนะนำให้หางานอดิเรกทำ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง นั่งสมาธิ ดื่มชาคาโมมาย เป็นต้น
  • ดื่มน้ำวันละ 1.5 ลิตรเพื่อเติมน้ำที่สูญเสียไปจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันและกระตุ้นให้ผิวชุ่มชื้นดูอิ่มน้ำ
  • รับประทานอาหารถูกตามหลักโภชนาการ งดหรือลดปริมาณอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารที่มีน้ำตาลสูงซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ในระยะยาว
  • ประคบอุ่นหรือนวดกดจุดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณใต้ดวงตาอย่างเพียงพอ
  • งดการสัมผัสบริเวณใต้ตาโดยตรง เช่น ขยี้ตา ใช้ผ้าถูบริเวณดวงตาแรง ๆ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645

บทความที่น่าสนใจ