หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหาเหนียงโผล่มา จนกลายเป็นจุดเด่นให้ใคร ๆ ต้องหันมามอง แล้วทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองและกำลังมองหาวิธีลดเหนียงใต้คางแต่ไม่รู้ว่าจะมีวิธีไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุดบ้าง วันนี้หมอโบจะมาแนะนำวิธีลดเหนียงแบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้กันค่ะ
เหนียงใต้คางเกิดจากอะไร
เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนังจนกลายเป็นชั้นบริเวณใต้คาง สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แม้ว่าส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ที่มีน้ำหนักตรงตามมาตรฐานหรือน้อยกว่าเกณฑ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ทั้งจากพันธุกรรม หรือแม้แต่พฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ที่คุณอาจทำโดยไม่รู้ตัวก็ได้เช่นกันค่ะ แม้ว่าเหนียงจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่ก็มีผลต่อความมั่นใจในการออกไปพบเจอผู้คนเป็นอย่างมากได้เลยทีเดียว
สาเหตุของการเกิดเหนียงใต้คาง
1. น้ำหนักตัว
หากคุณมีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์มาตรฐาน นั่นหมายความว่าคุณมีปริมาณไขมันในร่างกายสะสมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ไขมันชั้นใต้ผิวหนังที่อยู่เหนือกล้ามเนื้อ Platysma บริเวณคอ เกิดการสะสมจนกลายเป็นเหนียงตามมา
2. พันธุกรรม
หากคนในครอบครัวมีเหนียงใต้คาง นั่นหมายความว่าลูกหลานก็สามารถมีเหนียงใต้คางได้เช่นกัน ต่อให้ลูกหลานจะมีน้ำหนักตามเกณฑ์มาตรฐานก็ตาม
3. พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่าง
เช่น การนอนดึก การรับประทานอาหารก่อนนอน เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ รวมถึงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ด้วยนะคะ เพราะพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้จะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปริมาณไขมันยังคงอยู่ในร่างกาย และเมื่อไขมันไม่ได้ถูกเผาผลาญออกก็จะทำให้เกิดเหนียงตามมา
4. โครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาข้างสั้นก็จะทำให้เห็นเหนียงได้ง่ายกว่าคนทั่วไปเนื่องจากปลายคางเชื่อมต่อกับลำคอโดยตรง ยิ่งคอสั้นก็ยิ่งเห็นเหนียงบริเวณลำคอชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเวลาก้มหน้า
5. อายุมากขึ้น
ตามหลักธรรมชาติแล้วกล้ามเนื้อ Platysma จะเชื่อมจากคอไปถึงใบหน้าส่วนล่าง เมื่ออายุมากขึ้นแล้วจะทำให้ผิวหนังอ่อนแอลงและทำให้กล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อคอหย่อนคล้อยลงตามไปด้วย
วิธีสังเกตเหนียงใต้คอด้วยตัวเอง
- หากคุณถ่ายรูปใบหน้าของตัวเองจากมุมตรงและมุมข้างแล้วไม่เห็นกรอบหน้าแต่หน้าดูอวบขึ้น
- ลองใช้มือหยิบผิวหนังใต้คางแล้วพบว่ามีก้อนไขมันหรือผิวหย่อนคล้อยยื่นออกมาจากใต้คาง
- หากคุณมองหน้าตัวเองในมุมตรงเราเห็นว่ามีก้อนเนื้อเพิ่มขึ้นมาจากใต้คาง
ลดเหนียงใต้คางได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
1. ควบคุมอาหาร
อย่างแรกที่คุณควรทำหลังจากมีเหนียงใต้คางนั่นคือ การควบคุมอาหารโดยเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ รับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยเป็นประจำทุกวัน รับประทานธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี รับประทานอาหารที่มีไขมันดีเพื่อให้ไขมันดีกำจัดไขมันเลวออกจากร่างกาย งดรับประทานของทอดและอาหารที่ผ่านการแปรรูปมาแล้ว ลดปริมาณอาหารที่มีน้ำตาลให้น้อยลง ลดปริมาณเนื้อสัตว์ติดมันและเน้นไปที่อาหารโปรตีนที่มีไขมันน้อย
2. ออกกำลังกายบริหารเหนียง
นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วยังสามารถช่วยลดเหนียงและกระชับผิวบริเวณใต้คางได้อีกด้วย สำหรับท่าออกกำลังกายที่หมอโบแนะนำ ได้แก่
- ท่ายืดกรามโดยการเงยหน้าขึ้นมองไปมองเพดานแล้วพยายามยืดคอไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุดจนรู้สึกว่าใต้คางตึงแล้วค้างเอาไว้ประมาณ 10 วินาที
- ท่ายื่นปากโดยเริ่มจากเงยหน้าแล้วทำปากจูบแล้วยื่นปากออกไปให้มากที่สุดจนรู้สึกตึงบริเวณใต้คาง จากนั้นค่อยกลับสู่ท่าปกติ
- ท่าแลบลิ้นโดยหันหน้าตรงและแลบลิ้นออกไปให้ยาวที่สุดจากนั้นยกลิ้นขึ้นไปแตะจมูกแล้วทำค้างเอาไว้ประมาณ 10 วินาที
- ท่ายืดกรามล่าง โดยเริ่มจากยื่นหน้ามองเพดานแล้วยื่นกล้ามไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุดโดยที่เอียงศีรษะไปด้านขวาและยื่นกรามข้างล่างไปด้านหน้าประมาณ 10 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้นอีกครั้ง
มีวิธีที่ช่วยลดเหนียงใต้คางได้เร็วกว่านี้มั้ย
1. การดูดไขมัน
โดยแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดเพื่อบรรเทาอาการปวดระหว่างรักษาแล้วจึงใช้เครื่องมือทางการแพทย์สร้างความร้อนเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน แต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ทนความเจ็บปวดได้ไม่มากนักเนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการบวม เจ็บปวด หรือมีรอยฟกช้ำบริเวณแผล
2. Mesotherapy
เป็นวิธีฉีดสารสลายไขมันโดยแพทย์จะฉีดสารละลายไขมันเข้าไปยังบริเวณใต้คาง โดยสารดังกล่าวมีฤทธิ์ช่วยสลายไขมันและกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมไขมันบริเวณเหนียงได้ไวยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้การฉีดเมโสแฟตอาจไม่ปลอดภัยหากคุณเลือกฉีดกับหมอกระเป๋าหรือภาคที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ ไม่ได้อยู่ในคลินิกชั้นนำ
3. Ulthera
เป็นเทคนิคยกกระชับผิวหน้าโดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงจากเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีความเฉพาะเจาะจงและแม่นยำส่งไปยังชั้นใต้ผิวที่มีปัญหาเหนียงเพื่อกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวกระชับเต่งตึง โดยการรักษาด้วยเทคนิคนี้สามารถกระชับผิวได้นานประมาณ 1 – 2 ปี แตกต่างจากการรักษาแบบ HIFU ที่คงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน
4. Thermage
เป็นเทคนิคยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุชนิดขั้วเดียว โดยตัวเครื่องมือจะส่งผ่านคลื่นลึกลงไปยังชั้นหนังแท้จนถึงชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังที่ศัลยแพทย์ใช้ผ่าตัดยกกระชับใบหน้า โดยพลังคลื่นวิทยุจัดก่อให้เกิดความร้อนลึกบริเวณเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและกระตุ้นให้เส้นใหญ่คอลลาเจนและอีลาสตินที่ยังคงหย่อนคล้อยอยู่นั้นหดตัวลง ทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังใหม่เรียงตัวกระชับมากขึ้น อีกทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น
Ulthera กับ Thermage ต่างกันยังไง แบบไหนเหมาะกับเรา?
บทความที่น่าสนใจ
- แฟตเหนียงคืออะไร ลดเหนียงดีกว่าวิธีอื่นอย่างไร
- รวมวิธีสลายไขมันหน้าท้อง ที่สาว ๆ ทุกคนต้องลอง
- ปัญหาผิวหน้าแบบไหนควรทำอัลเทอร่า เห็นผลเร็วกว่าวิธีอื่นมั้ย
ทำ Mesotherapy, Ulthera, Thermage ที่ไหนดี
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :