7 ข้อปฏิบัติหลังฉีด filler ร่องแก้ม เพื่อคงผลลัพธ์ให้นานขึ้น

ข้อปฏิบัติหลังฉีด filler ร่องแก้ม คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยคงผลลัพธ์ของเราให้นานขึ้นได้ค่ะ ซึ่งนอกจากความสามารถของแพทย์ คุณภาพของฟิลเลอร์แล้ว อีกสิ่งที่จะสามารถช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น เพราะการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังการฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวอย่างสมบูรณ์และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ไม่เพียงช่วยยืดอายุผลลัพธ์ แต่ยังทำให้ผิวของคุณดูสวยเป็นธรรมชาติอีกด้วย วันนี้หมอโบจะมาบอกทริค 7 ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ของคุณดูดีและยาวนานที่สุดค่ะ

7 ข้อปฏิบัติหลังฉีด filler ร่องแก้ม เพื่อคงผลลัพธ์ให้นานขึ้น

ข้อปฏิบัติหลังฉีด filler ร่องแก้ม คนอยากฉีดต้องรู้ ทำยังไงให้คงผลลัพธ์ให้อยู่กับเรานาน ๆ

ฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม  เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาริ้วรอยบนใบหน้า เพื่อคืนสภาพให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และดูเด็กขึ้นกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด เพราะรอยลึกตรงร่องแก้มเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจทำให้หลายๆ คนสูญเสียความมั่นใจเวลายิ้ม หรือแสดงสีหน้า ด้วยความกลัวว่าร่องลึกตรงนี้จะทำให้เราดูแก่กว่าวัยและเสียบุคลิกภาพ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จึงกลายมาเป็นวิธียอดฮิตสำหรับการรักษารอยลึกจุดนี้ เพราะสามารถแก้ไขได้ทันทีและแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากที่สุด

“ร่องลึกบริเวณร่องแก้ม” ปัญหาที่สาว ๆ ต่างกังวล

ปัญหาร่องลึกบริเวณร่องแก้ม เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของเราดูมีอายุ เพราะบริเวณร่องแก้มเป็นริ้วรอยที่เห็นได้ชัดที่สุด และยังกินพื้นที่ค่อนข้างเยอะ ส่งผลให้เวลายิ้มออกมาจะดูไม่สวยงาม และอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจในการแสดงออกทางสีหน้าได้

สาเหตุหลักก็มาจากการเสื่อมสลายของสารในชั้นใต้ผิวหนัง ที่ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นไม่เต่งตึง รวมถึงใครที่มีเนื้อเยอะบริเวณใต้ตา หรือโหนกแก้ม ก็อาจทำให้เนื้อตรงส่วนนั้นหย่อนคล้อยลงมาจนทำให้เกิดร่องลึกที่ไม่สวยงาม

ร่องแก้มลึก เกิดจากอะไร?

ปัญหาร่องแก้ม หรือ รอยย่นที่แก้ม โดยส่วยใหญ่มักเกิดจากปัจจัยด้านอายุค่ะ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ใต้ผิวก็จะเริ่มเสื่อมสภาพทำให้เกิดหย่อนคล้อยบนใบหน้า โดยริ้วรอยที่เห็นได้ชัดและเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของผู้หญิงนั่นก็คือ ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม เพราะทำให้ดูมีอายุกว่าความเป็นจริง นอกจากปัจจัยด้านอายุแล้ว ริ้วรอยร่องแก้มยังเกิดจากพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การไม่ทาครีมกันแดดทำให้ใบหน้าโดนทำลายด้วยแสง UV การสูบบุหรี่เป็นประจำทำให้ส่งผลต่อโครงสร้างผิว และในบางรายที่มีเนื้อบริเวณใต้ตาเยอะ หรือแก้มเยอะๆ ก็อาจทำให้เนื้อตรงส่วนนั้นหย่อนคล้อยลงมาจนทำให้เกิดร่องลึกที่ไม่สวยงามได้

“ฟิลเลอร์ร่องแก้ม” วิธีแก้แบบได้ผลจริง!

สำหรับใครที่ไม่อยากให้ริ้วรอยบริเวณแก้มเกิดขึ้นมาเร็ว สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ การทาครีมบำรุงเป็นประจำ (ถึงแม้ว่า สาว ๆ หลายคนจะรู้สึกขี้เกียจที่ต้องลุกขึ้นมาทาครีมบำรุง แต่เชื่อหมอโบเถอะค่ะ ว่ามันดีกับผิวเราจริง ๆ ) อย่าลืมทากันแดดด้วยนะคะ อันนี้สำคัญมากลืมไม่ได้เด็ดขาด การทาครีมกันแดดนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องทาเฉพาะตอนที่ต้องออกไปเจอแดดนอกบ้านเท่านั้นนะคะ เพราะรังสี UV นั้นไม่ได้มีเฉพาะที่แดดค่ะ แต่มีแฝงอยู่ในทุก ๆ ที่ เช่น ในที่ร่ม ในอาคาร แสงจอคอม แสงจากโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากค่ะ

นอกจากนี้ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ทานอาหารหวาน และอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป อย่าลืมดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่าวันละ 2 ลิตรด้วย เพราะน้ำจะช่วยเติมให้ผิวมีความชุ่มชื้น ช่วยให้คอลลาเจนในผิวหนังมีความยืดหยุ่น ไม่แก่ก่อนวัยค่ะ ซึ่งวิธีที่กล่าวมานี้จะเห็นผลมาก ๆ สำหรับสาว ๆ ในวัย 20 – 25 ปี แต่สำหรับสาวใหญ่ที่มีอายุ 30 – 35 ปี วิธีนี้อาจจะได้ผลไม่มาก เนื่องจากช่วงอายุที่มากกว่า และปริมาณการผลิตคอลลาเจนในร่างกายมีการผลิตน้อยลงสู้สาว ๆ ไม่ได้ ดังนั้นหากต้องการให้ใบหน้าสวยเนียน เด้งเป๊ะ อาจจะต้องใช้ตัวช่วยดี ๆ อย่าง “ฟิลเลอร์” เข้าช่วยเหลือค่ะ

  

ฟิลเลอร์คืออะไร?

ฟิลเลอร์นั้นเป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบที่สำคัญจากสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (hyaluronic acid) มีหน้าที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยส่วนต่าง ๆ ได้ทั้งริ้วรอยลึกและตื้นให้ดูดี ผิวเรียบเนียน มีความเด้งดึ่ง เต่งตึง ฉ่ำน้ำ ทำให้ในปัจจุบันนิยมใช้ฟิลเลอร์ในการแก้ปัญหาให้หลากหลายพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็น รอยย่น ริ้วรอยรอบดวงตา รอยหมองคล้ำใต้ตา เพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก ปรับโครงหน้า เสริมคาง เติมขมับ แถมยังปลอดภัย 100% เพราะสารไฮยาลูโรนิคแอซิดสามารถสลายตัวได้ภายใน 6 เดือน – 2 ปี (แล้วแต่ปริมาณที่ฉีดและการดูแลตัวเองของคนไข้) ทำให้มั่นใจว่าไม่มีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ในร่างกายแน่นอนค่ะ

อยากฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ต้องฉีดอย่างไร?

สำหรับผู้ที่มีปัญหารอยลึกตรงร่องแก้ม จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และวิเคราะห์โครงหน้าก่อนว่าต้องใช้การฉีดแบบใด เพราะใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มจะใช้วิธีการฉีด 2 แบบ ด้วยกัน คือ

  1. ฉีดหนุนที่บริเวณกระดูกร่องแก้ม : วิธีนี้แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเพื่อเสริมให้ร่องแก้มที่ลึกดูตื้นขึ้น หรือในบางรายที่มีเนื้อใต้ตาเยอะ กระดูกร่องแก้มเสื่อมสภาพลง ตัวฟิลเลอร์ก็จะเข้าไปหนุนร่องลึกตรงจุดนี้ แล้วดึงผิวหนังให้ตึงขึ้น ร่องแก้มที่ลึกก็จะตื้นขึ้นมาทันทีอย่างเห็นได้ชัด
  2. ฉีดที่ร่องแก้มโดยตรง : สำหรับวิธีนี้จะเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะจุดสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มเกิดริ้วรอย รอยย่น หรือรอยพับของผิวหนังบนใบหน้า ซึ่งการฉีดด้วยวิธีนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์ และกำหนดบริเวณที่ต้องฉีด เพื่อให้ได้ผลแม่นยำ และแก้ปัญหาร่องลึกได้ตรงจุดที่สุด

ซึ่งนี่เป็นเพียงขั้นตอนของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ ซึ่งแต่ละสถานที่ให้บริการอาจมีมากหรือน้อยกว่านี้ตามมาตรฐานของแต่ละที่ค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีผลข้างเคียงหรือไม่?

ในการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละครั้งจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ต่อร่างกาย หากใช้ผลิตภัณฑ์ของฟิลเลอร์แท้ที่มีคุณภาพและตามมาตรฐาน อย. ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น สารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบสารที่ร่างกายผลิตออกมาอยู่แล้ว ทำให้ไม่เป็นผลเสียต่อร่างกายและยังสามารถสลายตัวไปเองได้ภายใน 1-2 ปี (แล้วแต่บุคคล) แต่สำหรับผู้ที่ฉีดแล้วพบว่าเกิดอาการบวม หรือคลำเจอก้อนหลังฉีดก็ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ เพราะอาการบวมนั้นสามารถยุบได้เอง และจะกลับมาเนียนเรียบแบบเดิมในที่สุด 

7 ข้อควรปฏิบัติที่ควรทำหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีอะไรบ้าง?

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ค่ะ ดังนั้นข้อปฏิบัติที่แนะนำ ได้แก่…

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด

  • ห้ามจับ นวด หรือกดบริเวณร่องแก้ม ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่งและเกิดความไม่สมมาตร
  • หากต้องทำความสะอาดใบหน้า ให้ใช้การล้างเบา ๆ โดยหลีกเลี่ยงการกดหรือถูบริเวณที่ฉีด

2. งดกิจกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง ในบริเวณร่องแก้มในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
  • งดซาวน่า ห้องอบไอน้ำ และการออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพราะความร้อนและเหงื่ออาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ

3. ระวังการใช้ยาและอาหารเสริม

  • หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือวิตามินอี อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนและหลังฉีด
  • หากคุณมีอาการปวดหรือบวม สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ได้ตามคำแนะนำของแพทย์

4. การจัดท่านอน

  • นอนหงายและหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า ในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม
  • อาจใช้หมอนหนุนศีรษะให้อยู่ในระดับสูงกว่าปกติ เพื่อลดอาการบวม

5. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการอักเสบและการเกิดรอยฟกช้ำ

6. สังเกตอาการผิดปกติ

  • อาการบวมเล็กน้อยและรอยแดงในช่วง 1-2 วันแรกถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากพบอาการที่ผิดปกติเช่น:
  • มีอาการปวดรุนแรง
  • บริเวณที่ฉีดเปลี่ยนสีหรือชา
  • มีอาการบวมที่ไม่ลดลงใน 3-4 วัน
  • ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

7. ติดตามผลกับแพทย์

  • ควรนัดหมายพบแพทย์ตามที่กำหนดเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์และแก้ไขปัญหาหากมีความผิดปกติ
  • การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนค่ะ

หลังการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีด งดกิจกรรมที่อาจเพิ่มความร้อนหรือทำให้เกิดการติดเชื้อ เช่น การซาวน่าและออกกำลังกายหนัก ปรับการนอนให้นอนหงายและยกศีรษะสูง หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก และสังเกตอาการผิดปกติ หากมีความผิดปกติ เช่น บวมมากผิดปกติหรือปวดรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ทันที การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยค่ะ

ทำไมต้องเลือก หมอโบ เดอโบคลินิก ในการเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ร่องปาก

แม้จะมีหลายคลินิกที่เปิดให้บริการการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แต่ที่เดอโบคลินิกของเรานั้นก็มีคุณสมบัติหลายประการที่ทำให้คนไข้ทุก ๆ คนสามารถมั่นใจในการเข้ารับบริการจากเราได้ค่ะ

1.ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก่อนจะกลับมาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” ( de beau clinic) และยังได้รับรางวัลคลินิกที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดติดอันดับ ท็อป 5 ของประเทศไทย ปี 2018 และคลินิกที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย 3ปีซ้อน, 2016-2018 จากบริษัท Allergan และ Galderma อีกด้วย

2.ยืนหนึ่งเรื่องความละเอียด เนียน เป๊ะ!!!

คนไข้แวะเวียนเข้ามาที่ “เดอโบคลินิก” ต่างรีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน และเป๊ะมาก!” เพราะว่าในทุกๆ ขั้นตอนหมอโบจะสอบถามถึงปัญหา ซักประวัติต่างๆ รวมถึงการตรวจดูรูปหน้าของคนไข้เพื่อให้การฉีดนั้นเกิดการผิดพลาดน้อยที่สุด และเพื่อให้ผลลัทธ์หลังฉีดออกมาสวยเนียนกริ๊บแบบธรรมชาติ ดังนั้นสามารถมั่นใจได้แน่นอนว่า “ฉีดกับหมอโบ ไม่สวย ไม่เนียน ไม่เป๊ะ! หมอไม่ให้กลับบ้านนะคะ”

  

3.เทคนิคพิเศษเฉพาะ “หมอโบ” เท่านั้น!

นอกจากความใส่ใจรายละเอียดเพื่อความสวยที่สุดแล้ว หมอโบยังทำให้คนไข้ที่เคยฉีดกับหมอ “ติดใจ” ทุกรายจนต้องกลับมาทำซ้ำก็คือ หมอมีความมือเบา และมีเทคนิคพิเศษที่เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว บนหน้าจะไม่มีร่องรอยเข็มหรือจะไม่เกิดรอยช้ำหลังฉีดบนใบหน้าเลย ทำให้เมื่อฉีดเสร็จแล้วสามารถนัดเพื่อนไปช้อบปิ้งต่อได้เลยแบบไม่ต้องกลัวจับโป๊ะได้ด้วยค่ะ

4.ฟิลเลอร์แท้

ฟิลเลอร์ที่หมอโบเลือกใช้เป็น “ฟิลเลอร์แท้” นำเข้าจากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจากองค์กรอาหารและยา (อย.ไทย) เท่านั้น คือ ยี่ห้อ JUVEDERM และ RESTYLANE  ซึ่งก่อนฉีดหมอจะทำการแกะกล่องต่อหน้าคนไข้ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่า ฟิลเลอร์ที่หมอใช้นั้นเป็นของแท้ ไม่มีการสอดไส้หรือหลอกลวงด้วยค่ะ

วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ VS ฟิลเลอร์ปลอม วิธีสังเกตแบบเคลียร์ชัดว่าต่างกันอย่างไร

5.ปรึกษาได้ทุกเวลา

สำหรับคนที่เป็นคนไข้ของหมอโบ หรือ ผู้ที่กำลังตัดสินใจว่าจะฉีดดีมั้ย? สามารถปรึกษาหมอโบได้ตลอดนะคะ เพราะหมอยินดีให้คำแนะนำตลอดไม่ว่าจะเป็นการนัดเข้ามาสอบถามเองที่คลินิก หรือจะ INBOX เข้ามาในเพจ หรือช่องทาง Line ก็ได้เช่นเดียวกัน  เพราะที่ De Beau Clinic หมอโบดูแลเคส ให้คำปรึกษาเองทุกเคส ซึ่งทุกๆ การปรึกษา “ไม่มีค่าใช้จ่าย” เลยด้วยค่ะ

“นึกถึงฟิลเลอร์ นึกถึงเดอโบคลินิก นะคะ” เพราะว่า หมอโบ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากแต่เสี่ยงน้อย” แน่นอน หากใครมีปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

ช่องทางการติดต่อ De Beau Clinic

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645

ทำไมต้อง หมอโบ เดอโบคลินิก?

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่ากว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรบแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เคล็ดลับ สวยฉบับเร่งด่วน กู้ตาโทรม ดำคล้ำ ไม่กระชับ ภายใน 1 วัน

วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ VS ฟิลเลอร์ปลอม วิธีสังเกตแบบเคลียร์ชัดว่าต่างกันอย่างไร

ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดห้ามทำอะไร เทคนิคการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์