รวมวิธีเสริมคางอย่างไรให้สวยและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน

สำหรับใครที่มีปัญหาใบหน้าสั้น คางตัด คางบุ๋ม ดูไม่เป็นธรรมชาติ และต้องการแก้ปัญหาคางให้ดูสวยเข้าทรง การเสริมคางที่ถูกวิธีและเหมาะกับโครงหน้าของคุณจะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น อีกทั้งเสริมบุคลิกภาพได้อีกทางหนึ่งด้วย ว่าแต่การเสริมคางมีกี่วิธี แล้ววิธีไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด มาอ่านไปพร้อมกันเลยค่ะ

เสริมคาง

1. เสริมคางแผลนอก

เป็นวิธีผ่าตัดศัลยกรรมจากด้านนอก โดยแพทย์จะฉีดยาชาและเปิดแผลบริเวณใต้คางประมาณ 1 – 1.5 ซม. เพื่อวางซิลิโคนเฉียงลงล่างตามตำแหน่งที่กำหนดเอาไว้ ใช้เวลารักษาประมาณแค่ 30 – 45 นาที ข้อดีของการผ่าตัดแผลนอก นอกจากจะวางตำแหน่งของซิลิโคนได้อย่างแม่นยำ ช่วยปรับโครงหน้าให้เรียวขึ้น ลดอาการบวมช้ำและห้ามเลือดได้ดีเนื่องจากใช้เลเซอร์ในการรักษาแล้ว ยังช่วยให้รับประทานอาหารสะดวกกว่าการเสริมคางแผลใน ทำความสะอาดแผลง่าย จึงลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากเศษอาหารและน้ำลายในช่องปาก หากซิลิโคนเบี้ยวเอียงก็สามารถผ่าตัดซ้ำแผลได้ทันที แต่วิธีนี้อาจก่อให้เกิดแผลเป็นเล็กน้อยขนาด 1 – 3 ซม. ซึ่งใช้เวลารักษาแผลเป็นอย่างน้อย 1 – 3 เดือนกว่าจะหายดี และไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะแผลเป็นนูน (Keloid)

2. เสริมคางแผลใน

เป็นวิธีผ่าตัดศัลยกรรมจากภายในช่องปาก โดยแพทย์จะเปิดแผลระหว่างบริเวณซอกเหงือกและริมฝีปากล่างประมาณ 2 ซม. จากนั้นแพทย์จะแยกเยื่อหุ้มกระดูกคางบริเวณขอบล่างขึ้นมาแล้ววางแท่งซิลิโคนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ แล้วค่อยใช้ไหมละลายเย็บปิดแผล โดยขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม. ข้อดีของวิธีนี้คือแผลจากการรักษาจะหายไวกว่าแผลจากการเสริมคางแผลนอก ไม่ต้องตัดไหม ไม่ต้องทำแผลแต่ต้องทำความสะอาดแผลทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ รวมถึงเลือกรับประทานอาหารอ่อนและบ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร

3. ฉีดฟิลเลอร์ใต้คาง

รีวิวคาง ปรับรูปหน้า ปรับโครงสร้างหน้า เสริมคาง

เป็นการฉีดฟิลเลอร์ซึ่งเป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของสาร Hyaluronic acid (HA) ที่มีความยืดหยุ่นตัวสูง โดยแพทย์จะวิเคราะห์โครงหน้าและรูปคางก่อนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร จากนั้นจึงกำหนดจุดที่ต้องฉีดเสริมเข้าไปเพื่อให้ฟิลเลอร์เข้ากับใบหน้ามากที่สุด จากนั้นแพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ปริมาณ 1 cc (โดยส่วนใหญ่) เข้าไปยังชั้นผิวหนังเพื่อเติมคอลลาเจนที่สูญเสียไป ส่งผลให้ลดรอยหมองคล้ำและริ้วรอยต่าง ๆ ช่วยปรับใบหน้าให้ดูเรียว ฟิลเลอร์แท้ส่วนใหญ่จะคงผลลัพธ์การรักษาได้นานถึง 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคน

ฟิลเลอร์คางเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดเสริมคาง, ไม่อยากพักฟื้นนาน หรือแม้แต่ต้องการดูรูปหน้าตัวเองก่อนเสริมคางด้วยการผ่าตัด ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คางคือ ใช้เวลารักษาไม่นาน เพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น ฉีดเสร็จก็กลับบ้านได้เลย ไม่ต้องนอนพักฟื้นแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ต้องมาเติมบ่อย ๆ ฉีดครั้งเดียวพอ และที่สำคัญตัวฟิลเลอร์ไม่เป็นอันตรายต่อคนไข้ สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติอีกด้วย

ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์จะต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของแพทย์เป็นอย่างสูง เนื่องจากคางเป็นตำแหน่งที่มีกล้ามเนื้อมัด Mentalis หากแพทย์ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง หรือฉีดไม่ลึกพอ อาจทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้ดึงฟิลเลอร์มารวมกันจนกลายเป็นก้อน ส่งผลให้เวลายิ้มแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ รวมถึงปัญหาฉีดคางแล้วเป็นก้อนอันเนื่องมาจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งจะต้องรักษาด้วยการฉีดสลายด้วยสารเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์ที่ทำจากเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase: HYAL) แต่ทั้งนี้หากฉีดแล้วไม่สลาย จำเป็นจะต้องผ่าตัดเพื่อขูดฟิลเลอร์ปลอมออกเท่านั้นค่ะ

4. Ulthera (อัลเทอร่า)

ฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ซิลิโคนเหลว ซิลิโคน ฟิลเลอร์ใต้ตา รอยตาคล้ำ รอยหมองดำ

เป็นวิธีการรักษาที่ต่อยอดมาจากนวัตกรรม Ultrasound โดยแพทย์จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูง MFU-V (Microfocus Ultherasound with Visualization) ยิงเข้าไปยังบริเวณชั้นผิว เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และปรับสภาพผิวที่อ่อนแอให้ดูแข็งแรง มีชีวิตชีวา อีกทั้งช่วยรักษาผิวหย่อนคล้อย ให้เกิดการหดตัวและกระชับมากขึ้น ระหว่างการรักษาแพทย์จะมองชั้นผิวผ่านหน้าจอเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างแม่นยำที่สุด ส่วนขั้นตอนการรักษาด้วยอัลเทอร่าก็ไม่ยุ่งยาก เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีรอยแผลและไม่ต้องพักฟื้น หลังเข้ารับการรักษาสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 – 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีชั้นคางหย่อนคล้อย หรือมีไขมันใต้คางเยอะ แถมยังเห็นผลลัพธ์ทันทีและเห็นผลนานกว่า 1 ปีอีกด้วย

Ulthera นวัตกรรมยกกระชับ เพิ่มความหน้าเรียวรูปแบบใหม่

วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมคาง

  • ประคบเย็นให้ทั่วทั้ง 4 จุดบนใบหน้า ทั้งด้านซ้ายขวา และบนล่างของคาง ตำแหน่งละ 20 – 30 วินาที เป็นเวลา 48 – 72 ชั่วโมง จากนั้นจึงค่อยประคบอุ่นบริเวณเดิม โดยทั่วไปอาการปวดบวมจะบรรเทาลงภายใน 2 สัปดาห์
  • งดกิจกรรมเสี่ยงที่ทำให้บาดแผลกระเทือน
  • งดรับประทานอาหารรสจัด ของหมักดอง ของดิบ และอาหารเคี้ยวยาก
  • ดื่มน้ำในปริมาณที่มากขึ้น หมอโบแนะนำให้ใช้หลอดดูดเพื่อลดการขยับคาง
  • ทำความสะอาดช่องปากด้วยการใช้น้ำสะอาดหรือน้ำเกลือบ้วนปากทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง และบ้วนทุกครั้งหลังมื้ออาหาร
  • ขณะนอนหลับควรหนุนหมอนสูงและนอนหงายเพื่อบรรเทาอาการเลือดคั่ง
  • งดกิจกรรมที่ทำให้ต้องขยับปากบ่อย ๆ
  • งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อไม่ให้เลือดสูบฉีดบริเวณใบหน้ามากเกินไปจนหน้าบวม

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

พาไปรู้จักการฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยให้คางเรียวได้จริงหรือไม่?

เหนียงยาน คางสองชั้น อยากยกกระชับเหนียงต้องทำไง

ฉีดฟิลเลอร์เสริมคาง หน้าเรียวอย่างปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด-พักฟื้น

ทำไมต้องเสริมคางกับหมอโบที่ De Beau Clinic

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645