หากพูดถึงภาวะหน้าแก่ก่อนวัยแล้ว คงไม่มีใครอยากมีภาวะนี้เร็วๆ กันอยู่แล้วใช่มั้ยละคะ แต่ด้วยวิถีชีวิตในปัจจุบันที่ทำให้ใครหลายคนละเลยการดูแลตัวเอง จนมีใบหน้าที่แก่กว่าวัย วันนี้หมอโบจะมาพูดถึงปัญหาดังกล่าวพร้อมวิธีรับมือและป้องกันไม่ให้ใบหน้าของเราแก่ไวยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วมาอ่านกันได้เลยค่ะ
หน้าแก่ก่อนวัยคืออะไร
เป็นอาการทางผิวหนังที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน ส่งผลให้ผิวเริ่มแห้งและบางลง ผิวจึงไวต่อแสงและเกิดรอยหมองคล้ำง่าย ดูไม่สดใสเหมือนคนวัยเดียวกัน หากปล่อยไว้นานก็จะเริ่มมีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก, ใต้ตา, หางตา (ตีนกา) หรือร่องแก้ม ยิ่งถ้าคุณแสดงออกทางสีหน้าบ่อยเท่าไหร่ ริ้วรอยเหล่านี้ก็จะทวีความชัดมากขึ้นเท่านั้นและพัฒนากลายมาเป็นผิวหย่อนคล้อย ไม่ยืดหยุ่นเหมือนแต่ก่อนโดยเฉพาะบริเวณแก้ม, ใต้ตา และกราม นอกจากนี้ยังผลต่อไขมันบริเวณแก้มที่หายไป ใบหน้าจึงดูตอบลง ดูโทรม ทำให้ใครหลายคนมั่นใจในตัวเองน้อยลงด้วยค่ะ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย
1. อายุมากขึ้น
ต้องเข้าใจก่อนว่าร่างกายของคนเราจะเริ่มลดการผลิตคอลลาเจนใหม่ลงปีละ 1% ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยง่ายขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
2. พักผ่อนน้อยเกินไป
การนอนหลับพักผ่อนเป็นกลไกทางธรรมชาติที่ช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย หากคุณนอนหลับน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ (ประมาณ 7 -9 ชั่วโมง/วัน) ส่งผลต่อผิวด้วยนะคะ เพราะการนอนน้อยติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนความเครียด ออกมาย่อยสลายคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยรักษาความสมดุลของผิว จึงทำให้ผู้ที่พักผ่อนน้อยมีรอยคล้ำรอบดวงตาและรอยตีนกาอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังลดการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่มีผลต่อสุขภาพผิว ผิวจึงขาดความยืดหยุ่น ไม่เต่งตึงเหมือนแต่ก่อน
3. มลพิษภายนอก
ไม่ว่าจะเป็นรังสียูวี UV (Ultraviolet) จากแสงแดด, มลพิษจากฝุ่นละอองหรือละอองฝน, ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ฯลฯ โดยมลพิษเหล่านี้มีผลเข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ผิวเสื่อมสภาพและขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวแห้งเสียสะสมและกลายเป็นผิวเหี่ยวย่นก่อนวัยนั่นเองค่ะ
4. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
โดยทั่วไปแล้วคนเราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว (ประมาณ 2,000 มิลลิลิตร) เนื่องจากร่างกายของคนเรามีน้ำประมาณ 2 ใน 3 ของร่างกาย หากร่างกายขาดน้ำเป็นเวลานาน ส่งผลให้มีน้ำใต้ชั้นผิวน้อยลงและผิวมีคอลลาเจนน้อยลง ผิวจึงขาดความชุ่มชื้นและเหี่ยวย่นง่ายขึ้น
5. ติดความหวานจากน้ำตาล
รู้มั้ยคะว่าน้ำตาลมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระ ส่งผลเสียต่อผิวของเราโดยตรง เนื่องจากน้ำตาลจะเปลี่ยนโครงสร้างคอลลาเจนไปจากเดิม อีลาสตินซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระชับผิวจึงถูกทำลายและลดจำนวนลง ผิวหน้าจึงแห้งเหี่ยวไว เกิดริ้วรอยร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย
6. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
แอลกอฮอล์มีฤทธิ์เข้าไปขวางการดูดซึมของวิตามินที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระและลดระดับแอนติออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ทำให้ผิวขาดน้ำ ผิวจึงแห้งหยาบกร้าน นอกจากนี้หากปล่อยปละละเลยตัวเองเป็นเวลานาน แอลกอฮอล์จะสะสมในร่างกายและกลายเป็นไขมันที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ที่เพิ่มจำนวนอนุมูลอิสระให้มากขึ้นและนำมาสู่ปัญหาสุขภาพด้านอื่นตามมาอีกด้วย
ดูแลผิวอย่างไรไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย
- เลือกรับประทานทานอาหารบำรุงผิวเป็นประจำ หมอโบขอแนะนำให้เลือกทานอาหารที่มีวิตามิน E และสังกะสี ไม่ว่าจะเป็นคะน้า กะหล่ำปลี ส้ม ฝรั่ง ถั่ว งา น้ำมันรำข้าว ข้าวกล้อง ฯลฯ ซึ่งจะช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV และมลภาวะต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิวและฟื้นฟูผิวให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้งค่ะ
- พักผ่อนให้เพียงพอตามช่วงวัย เพราะการพักผ่อนจะช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้กลับมาทำงานได้เต็มที่หลังจากตื่นนอน ทางที่ดีควรนอนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อลดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียดไม่ให้มารบกวนการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายที่อาจส่งผลต่อสุขภาพผิวด้วย
- มาส์กหน้าสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที เพราะการมาส์กหน้าจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า ช่วยให้ผิวกลับมาเต่งตึงเหมือนเคย
- บริหารหน้าลดริ้วรอย การบริหารใบหน้าถือเป็นการออกกำลังกายใบหน้าอย่างอื่นที่จะช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น เพิ่มความเต่งตึงให้แก่ผิวหน้าได้เป็นอย่างดี สำหรับท่าที่แนะนำได้แก่ ท่า อา อี อู เอ โอ, ท่าเงยหน้าค้าง, ท่าจิ้มแก้ม และท่าลดหน้าบวม (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: ท่าบริหารหน้าเรียว ทำทุกวัน หน้าเรียวสวยตลอดไป) ที่จะช่วยกระชับผิวหน้าให้แข็งแรง ผิวดูอ่อนเยาว์
ทำไมต้องนวัตกรรม Ulthera (อัลเทอร่า)
Ulthera (อัลเทอร่า) เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าให้ดูเด็กลง แลดูอ่อนกว่าวัย โดยแพทย์จะใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูงยิงไปยังชั้นผิว เพื่อเข้าไปฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวไปในเวลาเดียวกัน ด้วยเทคนิคดังกล่าวสามารถดูแลผิวได้ลึกถึง 3 ระดับ ได้แก่ หัว ULTHERA ขนาด 1.5 mm สำหรับผิวชั้นหนังกำพร้า ช่วยลดเลือนริ้วรอย ผิวดูเรียบเนียน, หัว ULTHERA ขนาด 3.0 mm สำหรับผิวชั้นไขมัน ช่วยลดเซลลูไลท์ (Cellulite) และหัว ULTHERA ขนาด 4.5 mm สำหรับผิวชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS) ช่วยกระชับผิวหน้า ผลลัพธ์การรักษาจึงช่วยปรับสภาพผิวอ่อนแอให้กลับมาแข็งแรง มีชีวิตชีวา อีกทั้งรักษาผิวบริเวณที่หย่อนคล้อยให้เกิดการหดตัวและกระชับมากขึ้น ข้อดีของการรักษาอัลเทอร่านั้นไม่จำเป็นต้องผ่าตัดให้เกิดรอยแผลเป็น จึงเกิดผลข้างเคียงน้อยมากและไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการกระชับผิวหน้าด้วยวิธีอื่น เห็นผลนานกว่า 1 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าของแต่ละคน) อัลเทอร่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยบนใบหน้า สามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไปก็จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนค่ะ
จุดเด่นของการทำ ULTHERA
- ช่วยกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่เจ็บตัวและไม่มีรอยแผลเป็นทิ้งไว้บนใบหน้า
- ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น เนื่องจากไม่ได้ผ่าตัดเปิดแผลแต่อย่างใด
- ดูแลผิวลึกถึงชั้น SMAS ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ผิวจึงดูเรียบเนียน เปล่งปลั่ง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าของแต่ละคน)
- ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียว เปล่งปลั่งสดใส ช่วยกระชับรูขุมขน
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย ภาพรวมของใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์
ทำไมต้องดูแลผิวกับหมอโบ ที่ De Beau Clinic
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
: 097 426-6956 หรือ 097 429-5645บทความที่น่าสนใจ
- อยากหน้าใสต้องฉีดอะไร ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ ทำเมโสดีกว่ากัน
- เคล็ดลับเพิ่มความฉ่ำให้ผิว สยบผิวแห้งกร้าน ให้เนียนชุ่มชื้น
- อันตรายจากการซื้อฉีดเมโสเอง ร้ายแรงกว่าที่คุณคิด