รู้หรือไม่ว่าการผลัดเซลล์ผิวมีผลต่อผิวหน้าของคุณเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากกระบวนการนี้ทำงานช้าลง ย่อมส่งผลทำให้ผิวหน้ามีปัญหาแพ้ง่าย ดูโทรมก่อนวัยได้ด้วยนะคะ วันนี้หมอโบจะมาพูดถึงกระบวนการดังกล่าวว่ามีสำคัญต่อผิวหน้าอย่างไร แล้วทำอย่างไรไม่ให้การผลัดเซลล์ทำงานช้าลง มาอ่านไปด้วยกันเลยค่ะ
การผลัดเซลล์ผิวคืออะไร
เป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่ร่างกายจะผลัดเซลล์ชั้นบนสุดซึ่งเป็นเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว หรือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ให้หลุดออกจากผิวหนัง โดยเปลี่ยนสภาพเป็นขี้ไคลและสร้างผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน โดยทั่วไปแล้วผิวหนังของคนเราจะมีผลัดเซลล์ตามช่วงวัยที่แตกต่างกัน สำหรับวัยเด็กจะใช้เวลาผลัดเซลล์ประมาณ 2 สัปดาห์, ช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน อายุประมาณ 10 – 29 ปีจะใช้เวลาผลัดเซลล์ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์, ช่วยวัยกลางคน อายุประมาณ 30 – 49 ปี จะใช้เวลาประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ และส่วนวัยสูงอายุ 50 ปีขึ้นไป จะใช้เวลาผลัดเซลล์ประมาณ 6 – 12 สัปดาห์
การผลัดเซลล์ผิวสำคัญอย่างไร
ด้วยวิถีชีวิตประจำวันที่มีความเสี่ยงต่อการเจอมลพิษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด, ควันฝุ่น, เหงื่อไคล หรือเชื้อแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในสภาพอากาศตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถพบเห็นได้ด้วยตา ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมมลภาวะต่าง ๆ เอาไว้และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน ผิวหน้าหมองคล้ำ หยาบกร้าน ดังนั้นการผลัดเซลล์ผิวจะช่วยชะล้างเอาสิ่งสกปรกออก ช่วยให้ผิวสว่างสดใสเหมือนใหม่และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวเก่า
หากร่างกายมีการผลัดเซลล์ผิวช้าลงย่อมส่งผลให้มลภาวะบนเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วเกิดการสะสมจนทำให้ใบหน้าหยาบกร้าน ใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน ต่อให้ใช้สกินแคร์บำรุงผิวหน้ามากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เพราะยังมีเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้วปิดกั้นอยู่นั่นเองค่ะ โดยประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ผิวของร่างกายจะลดลงตามช่วงอายุและพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ จึงทำให้ใครหลายคนหันมาหาวิธีผลัดเซลล์ผิวต่าง ๆ เพื่อคงความเยาว์วัยให้แก่ผิวหน้า แต่หากคุณเลือกใช้วิธีผลัดเซลล์ผิวผิดไป อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำง่ายขึ้น มีรอยแผลเป็น สีผิวเปลี่ยน หรืออาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อตามมาได้ด้วยนะคะ
ผลัดเซลล์ผิวให้ตรงตามชนิดผิว
- ผิวธรรมดา แนะนำให้ใช้สครับหรือสารเร่งผลัดเซลล์ผิว AHA (Alpha hydroxy acid) หรือ BHA (Beta hydroxy acid) อย่างใดอย่างหนึ่งไปเลยค่ะ แต่ไม่ควรใช้พร้อมกันนะคะ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น
- ผิวแห้ง แนะนำให้ใช้สารเร่งผลัดเซลล์ผิว AHA และไม่ควรใช้สครับเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น
- ผิวมัน แนะนำให้ใช้สารเร่งผลัดเซลล์ผิว BHA เนื่องจากละลายน้ำได้ดี อ่อนโยนต่อผิว
- ผิวบอบบาง แนะนำให้ใช้สารเร่งผลัดเซลล์ผิว BHA เนื่องจากเป็นสารที่อ่อนโยนต่อผิวจะดีที่สุดค่ะ
วิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยตัวเอง
1. ขัดผิว
เป็นวิธีง่ายๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่ใช้สครับขัดถูใบหน้า หรือใช้สครับจากธรรมชาติ เพียงแต่วิธีนี้อาจมีข้อเสียเช่นกัน เนื่องจากการขัดผิวจะทำให้ผิวหนังบางลงและระคายเคืองง่ายขึ้น ยิ่งถ้าใครก็สายขัดเอาสะใจ ขัดแรง หนักมือไปหน่อย หรือขัดนานเกินไป อาจเกิดแผลบนผิวหนังได้ด้วยค่ะ
2. ใช้สารเร่งผลัดเซลล์ผิว
เป็นสารที่ทำหน้าที่เร่งประสิทธิภาพของเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าให้หลุดออกจากผิวหนังเร็วกว่าปกติ โดยทั่วไปแล้วสารเร่งผลัดเซลล์ผิวยอดนิยม ได้แก่ กลุ่ม AHA (Alpha hydroxyl acid) และ BHA (Beta hydroxyl acid) สำหรับกระชับรูขุมขน ลดรอยสิว ลดจุดด่างดำให้ดูจางลง สลายสิวอุดตัน แต่อย่างไรก็ตามสารแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพผลัดเซลล์ผิวแตกต่างกัน หากใช้ผิดประเภทผิว อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองง่าย
3. ฉีดเมโส (Mesotheraphy)
เมโสเป็นวิธีการรักษาโดยการฉีดสารบำรุงผิวเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง โดยการฉีดวิตามิน เอนไซม์ ฮอร์โมน สารแอนติออกซิแดนท์ แร่ธาตุ และสารสกัดจากพืช เข้าสู่ผิวหนังชั้นในโดยตรง หลังจากนั้นสารต่าง ๆ ที่ฉีดเข้าไปจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและซ่อมแซมผิวที่ได้รับความเสียหายจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดีและแข็งแรง ไม่แห้งกร้าน นอกจากจะช่วยให้ผิวขาวใสแล้ว เมโสเทอราปียังสามารถแก้ปัญหาฝ้า กระ รักษาสิว และสลายไขมันได้อีกด้วยนะคะ โดยทั่วไปเข็มที่ใช้ในการฉีดเป็นเข็มขนาดเล็กประมาณ 27 – 30 G จึงช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น ผิวมีสุขภาพดี ข้อดีของเมโสนั้นจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าครีมบำรุงผิวที่ใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือละเลยการดูแลผิวเป็นเวลานาน
หน้าโทรม ผิวแห้งกร้าน แก้ได้ง่าย ๆ ด้วยเทคนิค Mesotherapy
ทำไมต้องดูแลผิวกับหมอโบ ที่ De Beau Clinic
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

บทความที่น่าสนใจ
- อยากหน้าใสต้องฉีดอะไร ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ ทำเมโสดีกว่ากัน
- เคล็ดลับเพิ่มความฉ่ำให้ผิว สยบผิวแห้งกร้าน ให้เนียนชุ่มชื้น
- อันตรายจากการซื้อฉีดเมโสเอง ร้ายแรงกว่าที่คุณคิด