แก้มตอบ เติมให้เต็มได้ ด้วยฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากยุโรป

แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หนึ่งในปัญหากวนใจสาว ๆ หลายคนที่ส่งผลต่อความมั่นใจนั่นก็คือปัญหาแก้มตอบค่ะ ว่าแต่ปัญหาดังกล่าวเกิดจากอะไร กินเยอะ ๆ แล้วจะช่วยให้หายได้จริงมั้ย ต้องรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์อย่างไรบ้าง แล้วทำไมต้องเป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากยุโรปด้วย วันนี้หมอโบมีคำตอบค่ะ

แก้มตอบ

แก้มตอบคืออะไร

เป็นลักษณะใบหน้าที่มีเนื้อแก้มยุบลงไป ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรม คล้ายคนมีอายุมากกว่าที่ควรจะเป็น สังเกตได้จากเส้นยาวบริเวณส่วนกลางใบหน้า หรือถ้าคุณมีพฤติกรรมและความเสี่ยงต่อการสูญเสียไขมันบริเวณแก้ม หลังจากที่ไขมันหายไป ใบหน้าจะดูซูบผอมลง โดยสาเหตุของภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น

  • พันธุกรรม บางคนอาจมีโหนกแก้มสูงตั้งแต่เกิด ทั้งนี้ให้สังเกตคนในบ้านก่อนเลยค่ะ หากพ่อแม่ ปู่ย่าตายายเป็นเหมือนกัน แสดงว่าเป็นพันธุกรรมแน่นอน
  • อายุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ชั้นใต้ผิวหนังสูญเสียไขมันใต้ผิวมากขึ้น ทำให้ผิวบริเวณแก้มเกิดยุบตัวลง
  • การจัดฟัน เนื่องจากทันตแพทย์จะต้องเคลียร์ช่องปากก่อนใส่เครื่องมือจัดฟัน โดยหมอจะอุดฟันและถอนฟันออกเพื่อขยายช่องว่างสำหรับจัดเรียงฟันใหม่ เมื่อฟันหายไปส่งผลให้แก้มดูตอบลง
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว สำหรับใครก็ตามที่ป่วยเป็นโรคบางโรคที่อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำหนักมากกว่าปกติ หรือผู้ที่โหมออกกำลังกายอย่างหนักจนทำให้น้ำหนักลดลงเร็วเกินไป ร่างกายจึงปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้ใบหน้าสูญเสียไขมันไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าจึงดูตอบลง
  • รังสี UV การอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องเข้าสู่ใบหน้าเป็นเวลานาน จะทำให้ร่างกายได้รับรังสี UV ในระดับที่ทำร้ายเซลล์ผิวโดยตรง ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณหน้าเกิดริ้วรอยก่อนวัย หย่อนคล้อยง่าย และตอบลง
  • ฉีดโบท็อกซ์มากเกินไป แม้ว่าโบท็อกซ์จะช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวได้ แต่การที่ฉีดมากเกินไปก็อาจทำให้ใบหน้าตอบลงได้เช่นกัน
  • ภาวะความผิดปกติของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นไขมันฝ่อ (Lipoatrophy) โรคคลั่งผอม (Anorexia) วัณโรค (Tuberculosis) เป็นต้น

แก้มตอบแก้ได้อย่างไรบ้าง

แก้มตอบ

1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างว่าการรับประทานอาหารเยอะ ๆ จะช่วยเพิ่มเนื้อที่แก้มได้ แต่ในความเป็นจริงวิธีนี้ก็อาจนำมาซึ่งน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หมอโบว่าวิธีนี้อาจแก้ปัญหาไม่ค่อยตรงจุดเท่าไหร่ ทางที่ดีเน้นไปที่การเลือกรับประทานอาหารจะดีกว่า นอกจากทานให้ครบ 5 หมู่แล้วเสริมด้วยวิตามินซีกระตุ้นคอลลาเจน อย่าลืมงดอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วยค่ะ เนื่องจากร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 2 ใน 3 นอกจากการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายในแต่ละวัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ ในร่างกายแล้ว ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวสุขภาพดียิ่งขึ้นด้วยนะคะ เมื่อผิวสุขภาพดี ริ้วรอยหย่อนคล้อยก็น้อยลง ส่งผลให้ใบหน้าดูตอบน้อยลงด้วยค่ะ

2. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง

รู้มั้ยคะว่าผิวของคนเราก็ต้องได้รับการดูแลด้วยเช่นกัน แต่หากคุณยังละเลยการดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมในที่แจ้งโดยไม่ทาครีมกันแดด สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือนอนดึกจนเคยชิน ร่างกายจะมีเวลาฟื้นฟูผิวน้อยกว่าคนทั่วไป ผิวจึงดูหย่อนคล้อยง่ายขึ้น ทางที่ดีที่สุดควรงดทุกอย่างที่กล่าวมาเพื่อสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาวนะคะ

3. ใช้เทคนิคศัลยกรรมเข้าช่วย

หากคุณลอง 2 วิธีแรกแล้วยังไม่เห็นผล หมอโบขอแนะนำให้รักษาด้วย 3 วิธีทางการแพทย์ ดังนี้

  • ฉีดไขมันแก้มตอบ หมอจะใช้ไขมันจากคนไข้ฉีดลงไปตรงบริเวณเยื่อหุ้มกระดูกของโหนกแก้ม ซึ่งจะเห็นผลชัด ๆ ภายใน 2 – 3 เดือน แม้ว่าจะมีข้อดีตรงที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ เนื่องจากสารที่ใช้เป็นสารที่ร่างกายผลิตเอง แต่ก็มีข้อเสียตรงที่มีโอกาสที่ไขมันจะสลายตัวได้ง่าย ไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้เหมือนวิธีอื่น
  • เสริมด้วยซิลิโคน โดยหมอจะออกแบบแผ่นซิลิโคนให้เข้ากับรูปแก้มบริเวณที่ตอบ แม้ว่าข้อดีคือผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนาน แต่อาจเสี่ยงต่อการเคลื่อนตัวของซิลิโคนได้เช่นกัน
  • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หมอจะฉีดสาร Hyaluronic acid ประมาณ 2 – 3 cc ซึ่งเป็นสารที่มีความคงตัวสูงเข้าไปเพิ่มช่วยเติมโหนกแก้ม ช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูอิ่มเอิบ  เด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยสารชนิดนี้จัดว่าเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ ส่วนผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานประมาณ 1 – 2 ปี

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ยุโรป

สำหรับทาง De Beau Clinic ฟิลเลอร์ที่หมอโบเลือกใช้เป็น “ฟิลเลอร์แท้” นำเข้าจากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.ไทย) เท่านั้น  ซึ่งก่อนฉีดหมอจะทำการแกะกล่องต่อหน้าคนไข้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่คนไข้ทุกคนว่า ฟิลเลอร์ที่หมอใช้เป็นของแท้ ไม่สอดไส้หรือหลอกลวงแน่นอนค่ะ โดยฟิลเลอร์ยุโรปที่หมอโบใช้มี 2 ยี่ห้อ ได้แก่ JUVEDERM และ RESTYLANE ซึ่งแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้

1.ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Juvederm

ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกานี้จัดเป็น 1 ในยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงมาก เนื่องจากมีคุณภาพสูง จุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้มีส่วนผสมของ Lidocaine (ลิโดเคน) ซึ่งเป็นยาชาชนิดหนึ่งที่ช่วยลดความเจ็บและเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายขณะฉีดฟิลเลอร์อีกด้วย ในปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานหลายรุ่น ได้แก่

  • Juvederm VOLUMA  เนื้อฟิลเลอร์มีความหนาแน่นและคงตัวได้ดี เมื่อฉีดเข้าไปจะช่วยให้ผิวเรียบเนียน ยกกระชับใบหน้า ไม่บวมไม่ช้ำ เห็นผลทันทีที่ฉีด เหมาะสำหรับฉีดบริเวณขมับ แก้ม คาง และฉีดปรับรูปหน้า ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 24 เดือน
  • Juvederm VOLIFT เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนิ่มระดับปานกลาง ไม่ไหลง่าย นิยมฉีดเติมร่องลึกต่าง ๆ ได้แก่ ขมับ ร่องน้ำหมาก ทำปากกระจับ ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
  • Juvederm VOLBELLA  เนื้อฟิลเลอร์ให้สัมผัสคล้ายเจลนิ่ม เหมาะสำหรับฉีดแก้ไขบริเวณที่มีปัญหาไม่เยอะ หรือมีริ้วรอยเล็กน้อย เช่น ริ้วรอยตื้นบริเวณใต้ตา ฉีดเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
  • Juvederm ULTRA XC เนื้อฟิลเลอร์นิ่ม เหมาะสำหรับฉีดแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก ๆ ได้แก่ ขมับ แก้ม ริ้วรอยลึก คาง และจมูก ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
  • Juvederm ULTRA PLUS XC เนื้อฟิลเลอร์คล้ายเจลมีความแน่นสูง นิยมใช้ปรับบริเวณที่ต้องการความอิ่มฟูเยอะ ๆ เช่น ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม คาง และปรับรูปหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ที่สวยดูเป็นธรรมชาติ ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 24 เดือน
  • Juvederm VOLITE   จุดเด่นของรุ่นนี้คือ เนื้อฟิลเลอร์มีความบางเบาสูง เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะช่วยให้บริเวณที่ฉีดชุ่มชื่น แลดูสุขภาพดี ลดเลือนริ้วรอย รูขุมขนเล็กลง นอกจากนี้ยังฉีดเข้าไปลึกถึงผิวชั้น Dermis ได้อีกด้วย เหมาะสำหรับฉีดแก้ไขผิวหน้า ลำคอ เนินอก และหลังมือ ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 9 เดือน

2.ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Restylane

ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดนยี่ห้อนี้มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีส่วนประกอบสำคัญที่ใกล้เคียงกับไฮยารูลอนิกแอซิดที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ จึงเกิดผลข้างเคียงหรืออาการแพ้ที่ค่อนข้างน้อยมาก นอกจากนี้ยังฉีดได้หลายจุดอีกด้วย แถมยังถูกจดทะเบียนรับรองความปลอดภัยกับ อย.ไทยหลายรุ่นค่ะ ไม่ว่าจะเป็น

  • Restylane Perlane Lyft : มีส่วนผสมของยาชา เป็นเนื้อฟิลเลอร์คงตัวสูง ย่อยสลายได้เองและฉีดใหม่ได้เรื่อย ๆ ส่วนใหญ่นิยมนำมาฉีดบริเวณใต้ตา จมูก และแก้ม ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
  • Restylane Defyne : มีส่วนผสมของยาชา เนื้อฟิลเลอร์เนื้อแข็งคล้ายเจล เหมาะสำหรับฉีดริ้วรอยลึก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ฉีดเสริมโหนกแก้ม ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
  • Restylane Volyme : มีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับใช้แก้ปัญหาแก้มตอบ สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 – 15 เดือน
  • Restylane Refyne : มีส่วนผสมของยาชา เนื้อฟิลเลอร์คล้ายเจลมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดริ้วรอยลึกบริเวณแก้มหรือปาก เช่น ร่องลักยิ้ม ร่องมุมปาก ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
  • Restylane Vital : ไม่มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กเหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่มีเนื้อน้อย เช่น บริเวณใต้ตา และหน้าผาก ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน
  • Restylane Vital Light : ไม่มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้เจลโมเลกุลเล็ก เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา และเติมฟิลเลอร์ปาก ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน
  • Restylane รุ่นนี้ไม่มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่ เน้นฉีดแก้ริ้วรอยระดับปานกลางไปจนถึงมาก ได้แก่ ร่องแก้ม ร่องขมวดคิ้ว ส่วนผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
  • Restylane SubQ : เป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่นและหนักที่สุดของยี่ห้อนี้ ใช้สำหรับฟื้นฟูบริเวณผิวที่มีปัญหาหนักมาก แต่เนื่องจากเวลาฉีดจำเป็นต้องใช้เข็มปลายทู่ ส่งผลให้คนไข้จะรู้สึกเจ็บมากเวลาฉีด จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก

ดูแลตัวเอง “หลัง” ทำการฉีดฟิลเลอร์

  • พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามนอนหงายด้วยหมอนสูง หรือนั่งหลับก็ได้ตามถนัด เพื่อป้องกันการนอนคว่ำหน้าที่จะทำให้แผลถูกกดทับ
  • พยายามไม่ให้ใบหน้าอยู่ใกล้ความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชม. หลังการฉีด ไม่ว่าจะเป็นการซาวน่า ออกกำลังกายหนัก หรืออาบแดด
  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 7 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดสูบฉีดบริเวณใบหน้ามากเกินไป ส่งผลให้แผลหายยากขึ้น
  • งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปในผิว
  • งดรับประทานอาหารหมักดอง อาหารแสลง อาหารดิบ เช่น ปูเค็ม ปลาร้า ปลาดิบ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดนวดหน้า ทรีตเมนต์ และเลเซอร์ผิวหน้า อย่างน้อย 1 เดือน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด โดยเฉพาะจุดที่มีรอยช้ำ เนื่องจากอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากไม่ดีขึ้นแนะนำให้รีบกลับมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ

ทำไมต้องดูแลผิวหน้ากับหมอโบ ที่ De Beau Clinic

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645

บทความที่น่าสนใจ