หลายคนอาจมีอาการฟิลเลอร์ใต้ตาบวมหลังจากฉีดฟิลเลอร์มาได้สักระยะและคงอยากรู้ว่าอาการตาบวมจะดีขึ้นและหายบวมเมื่อไหร่ แล้วถ้ายังไม่หายเหมือนคนทั่วไปอาจเกิดจากอะไร สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ แล้วมีวิธีป้องกันไม่ให้ตาบวมได้อย่างไร วันนี้หมอโบจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตาบวมคืออะไร
เป็นอาการบวมเข็มบริเวณใต้ดวงตาซึ่งเป็นบริเวณที่เนื้อเยื่อมีความบอบบางมากกว่าผิวหนังบริเวณอื่น โดยมีลักษณะบวมแดงหรือคล้ำ รู้สึกคัน รู้สึกร้อน ๆ หรืออาจเจ็บปวดเมื่อสัมผัสบริเวณใต้ดวงตา ส่วนสาเหตุของอาการบวมโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการฉีดยาชา, ฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไป ฉีดโดนเส้นเลือดฝอย รวมถึงการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. โดยทั่วไปจะหายได้เองตามธรรมชาติ แต่หากอาการบวมจางหายแล้วแต่ตัวฟิลเลอร์ยังนูนเป็นก้อน อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์จากผู้ที่ไม่มีความชำนาญมากพอ ฉีดตื้นหรือลึกเกินไปจนเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังใต้ดวงตา, การเลือกฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับใต้ตาได้ด้วยเช่นกันค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาบวมกี่วัน
โดยทั่วไปอาการบวมจะอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน แต่จะเริ่มยุบตัวลงตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1-2 เป็นต้นไป แต่หากเกินจากนั้นไปประมาณ 3-7 วัน อาจเป็นสัญญาณเตือนของความผิดปกติที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ หมอโบแนะนำให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ เพราะฟิลเลอร์ใต้ตาอาจส่งผลต่อระบบการมองเห็นโดยตรง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่เข้ารับการรักษาอาจมีผลทำให้มองไม่เห็นในระยะยาวได้ด้วยนะคะ
มีวิธีบรรเทาอาการฟิลเลอร์ใต้ตาบวมอย่างไรบ้าง
- เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยการดื่มน้ำสะอาดตามปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน อย่างน้อย 6-8 แก้ว หรืออาจคำนวณจากสูตร น้ำหนัก x 2.2 x 30 x 2 = ปริมาณน้ำ(มล.) เช่น น้ำหนักตัว 60 x 2.2 x 30/2 = 1,980 มล./วัน เพราะการดื่มน้ำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังทั่วร่างกาย โดยเฉพาะเนื้อเยื่อใต้ดวงตาซึ่งต้องการความชุ่นชื้นเป็นพิเศษ อีกทั้งช่วยรักษาสภาพของฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้นด้วยนะคะ แต่ทั้งนี้ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia) ตามมาด้วยค่ะ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตามช่วงวัย เพราะการนอนหลับจะช่วยให้ดวงตาของเราได้พักเพื่อฟื้นฟูเนื้อเยื่อรอบดวงตาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้แผลหลังฉีดหายไวยิ่งขึ้น
- รับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ช่วยสมานแผล ได้แก่ อาหารจำพวกโปรตีนอย่างเช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา ไข่ ถั่ว, วิตามิน A อย่างเช่น มะม่วง มะละกอ แตงโม, วิตามิน C อย่างเช่น ฝรั่ง กีวี สับปะรด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามอะไรบ้าง
- ไม่สัมผัสบริเวณรอยฉีด ไม่ว่าจะเป็นการล้วง แคะ แกะ เกา หรือใช้ผ้าถูเบา ๆ เพื่อป้องกันใต้ตาบวมหนักกว่าเดิม
- งดประคบเย็น เนื่องจากอุณหภูมิอาจทำให้การเซ็ตตัวของฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์ไม่เกาะผิวและไหลเข้าสู่เนื้อเยื่ออ่อน
- งดทาครีมบำรุงผิวบริเวณรอยที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 1 คืน เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อใต้ตา
- งดทานอาหารแสลง เช่น อาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุก อาหารแปรรูป รวมถึงอาหารเสริมที่มีฤทธิ์ต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย
- งดเลเซอร์ ทรีตเมนต์ อบซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สัมผัสกับความร้อนเป็นเวลานาน อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะอาจกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนง่ายขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บทความที่น่าสนใจ
- อยากหน้าใสต้องฉีดอะไร ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ ทำเมโสดีกว่ากัน
- เคล็ดลับเพิ่มความฉ่ำให้ผิว สยบผิวแห้งกร้าน ให้เนียนชุ่มชื้น
- อันตรายจากการซื้อฉีดเมโสเอง ร้ายแรงกว่าที่คุณคิด