แม้ว่าตาโบ๋ลึกจะเป็นภาวะที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพมากเท่าปัญหาสุขภาพอื่น แต่ส่งผลในเรื่องของความมั่นใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากภาวะดังกล่าวจะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูหมองดูโทรมมากกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน วันนี้หมอโบจะพามาทำความรู้จักรวมถึงแนะนำวิธีรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติและวิธีฉีดฟิลเลอร์กันค่ะ
ตาโบ๋ลึกคืออะไร
เป็นภาวะที่เบ้าตามีร่องลึกบุ๋มลงไปเป็นวง ทั้งดวงตาด้านบนและด้านล่าง บางรายอาจเห็นเป็นชั้นตาหลาย ๆ ชั้นได้ชัดเจน บางรายอาจเห็นลึกถึงกระดูกเบ้าตามีขอบชัดเจน สีผิวบริเวณร่องลึกเปลี่ยนสีไปเป็นสีดำ โดยภาวะดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ เบ้าตาลึกเฉพาะหัวตา, ตามสามชั้น และเบ้าตาลึกเป็นร่องชัดเจน แม้ว่าจะไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพ แต่ส่งผลในเรื่องของความมั่นใจเป็นอย่างมาก เพราะภาวะดังกล่าวจะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่ลง ใบหน้าดูเศร้าตลอดเวลา ตาปรือ ดูอิดโรยเหมือนคนอดนอน โดยเฉพาะสาว ๆ คนไหนที่เป็นสายมู การมีดเบ้าตาโบ๋เป็นร่องลึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลต่อโหงวเฮ้งที่กระทบต่อดวงการงานไม่ก้าวหน้าขึ้นได้ด้วยค่ะ
สาเหตุของตาโบ๋ลึก
- โครงสร้างทางกรรมพันธุ์ หากคนในครอบครัวมีไขมันบริเวณเบ้าตาน้อยแต่กำเนิด หรือมีโครงสร้างกะโหลกเบ้าตาลึก ย่อมส่งผลให้ลูกหลานได้รับพันธุกรรมเหล่านี้ตามมาด้วย
- อายุมากขึ้น ทำให้ไขมันฝ่อตัวและมวลกระดูกยุบลง เกิดเป็นร่องลึก เบ้าตาเห็นขอบชัดเจน
- พักผ่อนนอนน้อย โดยทั่วไปแล้วคนเราควรนอนหลับพักผ่อนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน หากนอนน้อยเกินไปอาจทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพและปริมาณไขมันใต้ตาลดลง
- โรคภูมิแพ้ หากเกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นมาจะทำให้เส้นเลือดฝอยคั่งอยู่บริเวณโพรงจมูกและเกิดรอยคล้ำใต้ตาตามมา
- กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ทำให้ไขมันใต้เปลือกตาหายไป ส่งผลให้เบ้าตาลึกชัดกว่าคนทั่วไป หากตาโบ๋จากภาวะนี้จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น
- ลดน้ำหนักอย่างกะทันหัน ทำให้ร่างกายสูญเสียไขมันเป็นจำนวนมาก รวมถึงไขมันบริเวณเบ้าตาด้วย
- ผลจากการทำตาสองชั้น ทำให้เหลือไขมันใต้ตาน้อยเกินไป
ทำยังไงให้หายเบ้าตาลึก
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างเพียงพอตามความต้องการของร่างกายจะช่วยชะลอความเสื่อมของผิวให้เป็นไปตามกาลเวลา ป้องกันเปลือกตาหย่อนคล้อย ชะลอริ้วรอยรอบดวงตาได้ดี อีกทั้งฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากคุณเป็นนอนดึก นอนน้อย หมอโบขอแนะนำให้ปรับพฤติกรรมการนอนให้มากขึ้นเป็นวันละ 7-9 ชั่วโมงให้ไวเลยค่ะ
2. ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว (2 ลิตร)
การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันจะช่วยเติมเต็มน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่แห้งให้กลับมาเปล่งปลั่งอีกครั้ง อีกทั้งป้องกันปัญหาผิวเสื่อมสภาพได้เป็นอย่างดีค่ะ แต่ทั้งนี้ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia) ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพไตในอนาคตค่ะ
3. ทาอายครีมบำรุงใต้ตาเป็นประจำ
ข้อควรระวังในการบำรุงใต้ตานั้นจะต้องใช้อายครีมเท่านั้นนะคะ โดยอายครีมที่ดีจะต้องไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ปราศจากสารกันเสีย และผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติ ห้ามใช้ครีมทาหน้าหรือครีมทาตัวมาทาใต้ตาเด็ดขาดเพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองดวงตาได้ง่าย แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์จากการทาอายครีมอาจเห็นผลช้า ถ้าจะบำรุงด้วยอายครีมจริง ๆ ต้องทำใจในจุดนี้ด้วยนะคะ
4. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หากใครอดทนรอผลลัพธ์จากการบำรุงใต้ตาไม่ไหว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือว่าตอบโจทย์ตรงนี้มากที่สุดค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหารอบดวงตาได้ครอบคลุมแล้ว ยังเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีดเสร็จอีกด้วยนะคะ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการเติมสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารเติมเต็มจากธรรมชาติที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับคอลลาเจนในร่างกาย ฉีดเข้าไปบริเวณร่องลึกใต้ตาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวรอบดวงตา ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา นอกจากจะจัดการตาโบ๋ลึกได้แล้วยังปลอดภัยต่อร่างกายคนไข้ เนื่องจากสารดังกล่าวสามารถสลายได้เองตามอายุการใช้งาน สำหรับฟิลเลอร์ใต้ตาที่หมอโบใช้มี 2 แบบ ได้แก่ ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เป็นเนื้อเจลคงตัว เหมาะสำหรับร่องตาลึกจากกระดูกใต้ตายุบตัว ส่วน ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เป็นเนื้อเจลบาง ๆ ช่วยแก้ปัญหาผิวชั้นนอกและเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม
เนื่องจากฟิลเลอร์ใต้ตาที่ใช้เป็นสารเติมเต็มจากธรรมชาติ จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เพียงแต่อาจเกิดผลข้างเคียงอย่างรอยฟกซ้ำ หรือรอยแดงในช่วง 2-3 วันแรกหลังจากฉีด ซึ่งจะหายไปได้เองค่ะ แต่ที่เป็นข่าวออกมาว่าฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอันตรายนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์กับหมอกระเป๋าที่รับฉีดในราคาที่ถูกกว่าคลินิกเสริมความงามชั้นนำ แต่ความสวยที่ได้มาจากฟิลเลอร์ปลอมของหมอกระเป๋านั้นนอกจากจะไม่ยืนนานแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วยนะคะ อย่าลืมนะคะว่าดวงตาเป็นบริเวณที่บอบบาง ระคายเคืองง่าย หากใช้ฟิลเลอร์ปลอมฉีดเข้าไปอาจเสี่ยงตาบอดได้เลยนะคะ
รวมทุกอันตรายจากฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน
ฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย
ที่ Debeau Clinic เรามี หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บทความที่น่าสนใจ
- อยากหน้าใสต้องฉีดอะไร ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ ทำเมโสดีกว่ากัน
- ฟิลเลอร์ใต้ตาบวมเกิดจากอะไร ทำอย่างไรถึงจะหายบวม
- ฟิลเลอร์ปากกระจับดีจริงไหม ทำไมถึงนิยมในหมู่สาว ๆ