สำหรับใครที่ดูแลผิวหน้าของตัวเองเป็นประจำ แต่กลับรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ที่กำลังใช้อยู่ในตอนนี้ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล หรือใช้เท่าไหร่ก็ไม่เห็นผลสักที จนรู้สึกเบื่อและไม่อยากบำรุงผิวหน้าอีกต่อไปแล้ว อย่าเพิ่งท้อใจไปนะคะ วันนี้หมอโบจะมาแนะนำ 1 ในวิธีการดูแลผิวหน้าโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั่นก็คือการทำเมโสหน้าใสค่ะ ว่าแต่เมโสคืออะไร อันตรายหรือไม่ ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงถูกใจวิธีนี้กัน มาอ่านกันเลยค่ะ
เมโสหน้าใสคืออะไร
เมโส ย่อมาจากคำว่า Mesotherapy คือวิธีการดูแลผิวหน้าให้ขาวใส มีสุขภาพดี ด้วยการฉีดสารที่อุดมไปด้วยวิตามิน, คอลลาเจน และสารบำรุงผิวชนิดอื่น ฉีดเข้าไปยังผิวชั้นกลางซึ่งเป็นชั้นผิวที่ช่วยรักษาความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ของการบำรุงผิวดูชัดกว่าการทาครีมบำรุงผิวทั่วไป หากเน้นหน้าขาวใส แพทย์จะฉีดเมโสที่มีส่วนผสมของวิตามินเพิ่มความกระจ่างใสบนใบหน้า ได้แก่ วิตามิน A, B, C, E, กลูตาไธโอน (Glutathione) และทรานซามิน (Transamin) เป็นหลัก ส่วนสูตรหน้าใสจะมีส่วนผสมของคอลลาเจน (Collagen) และโคเอนไซม์ (Coenzyme)
สำหรับเข็มที่ใช้จะเป็นเข็มขนาด 27-30 G ซึ่งถือว่าเล็กกว่าดอกก้านเข็มอีกนะคะ ด้วยความที่เข็มเล็กจะไม่ก่อให้เกิดอาการบวมช้ำบนใบหน้าของคนไข้ แต่ขณะรักษาอาจรู้สึกเจ็บเหมือนมดกัดและมีรอยแดงหรือรอยช้ำขนาดเล็กบริเวณที่ฉีด แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปค่ะ เพราะรอยแดงจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน ส่วนผลลัพธ์ของการรักษาจะเริ่มเห็นหลังจากฉีดไปแล้ว 3 วันและเห็นผลชัดเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 1-2 และผลลัพธ์จะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าของแต่ละคนนะคะฃ
การฉีดเมโสหน้าใสมีกี่แบบ อะไรบ้าง
1. ฉีดแบบสะกิด
เป็นการฉีดโดยใช้เข็มสะกิดผิวหน้าเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าซึ่งจะช่วยให้วิตามินซึมเข้าสู่ชั้นผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ทั้งนี้อาจก่อให้เกิดรอยแดงหรืออาจเสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อได้หากทำความสะอาดแผลไม่ดีพอ อีกทั้งก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายอีกด้วย
2. ฉีดแบบ 16 จุด
เป็นการฉีดโดยใช้เข็มฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง ช่วยให้วิตามินต่าง ๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี แถมยังเจ็บน้อยและเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าการฉีดแบบสะกิดอีกด้วย
ขั้นตอนการฉีดเมโสมีอะไรบ้าง
- แพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าคนไข้แล้วจึงประคบน้ำแข็งทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที
- แพทย์จะฉีดเมโสทั่วใบหน้าประมาณ 10-20 จุด (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
- หลังการรักษาสามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด
ใครเหมาะกับเมโสบ้าง
- ผู้ที่มีปัญหาสิว ฝ้า สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย อักเสบง่าย ทาครีมบำรุงเท่าไหร่ก็ไม่เห็นผลสักที
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลผิวหน้าตัวเองและต้องการผิวหน้าสว่างใสแบบเร่งด่วน
ข้อดีของเมโส
- ช่วยขับสารพิษออกจากชั้นผิว ฟื้นฟูผิวเสียจากแดด ผิวจึงกระจ่างใสขึ้น
- กระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนังให้ไหลเวียนได้เต็มประสิทธิภาพ
- เสริมสร้างการทำงานของคอลลาเจน ผิวแข็งแรงขึ้น
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- เห็นผลไวกว่าการใช้ครีมบำรุงผิวหน้าทั่วไป
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังการรักษา
- ช่วยแก้ปัญหาสิวฝ้าได้ในระยะเวลาอันสั้น
- สารที่ฉีดเข้าไปสามารถสลายได้เอง เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ
ผลข้างเคียงจากการฉีดเมโส
- เกิดรอยแดงหรือรอยบวมบริเวณที่ฉีดประมาณ 2-3 วัน จากนั้นจะค่อย ๆ หายไปเอง ทั้งนี้คนไข้สามารถทา Reparil-Gel N บรรเทาปวดบวม ฟกช้ำเพื่อให้หายไวยิ่งขึ้น
- คนไข้บางรายอาจติดเชื้ออักเสบบริเวณที่ฉีดหรือแพ้ตัวยาที่ฉีดเข้าไป แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ
- หากซื้อเมโสมาฉีดเองหรือฉีดโดยหมอกระเป๋า อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายกว่าการฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากถึง 2 เท่า
อันตรายจากการซื้อฉีดเมโสเอง ร้ายแรงกว่าที่คุณคิด
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีดเมโสหน้าใส
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดจนกว่าอาการจะดีขึ้น
- งดสัมผัสหรือทาครีมบนใบหน้าบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1 คืน
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อคงผลลัพธ์ของการรักษาให้ยาวนานขึ้น
- ทาครีมบำรุงผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ
ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี
ที่ DE BEAU CLINIC เรามี หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา เมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็ได้มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

บทความที่น่าสนใจ
- อยากหน้าใสต้องฉีดอะไร ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ ทำเมโสดีกว่ากัน
- เคล็ดลับเพิ่มความฉ่ำให้ผิว สยบผิวแห้งกร้าน ให้เนียนชุ่มชื้น
- อันตรายจากการซื้อฉีดเมโสเอง ร้ายแรงกว่าที่คุณคิด