สำหรับใครที่ผ่านการฉีดฟิลเลอร์เสริมสวยมาสักพักแต่ดันลืมข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ว่ามีอะไรบ้าง วันนี้หมอโบจะมาช่วยเตือนความจำ พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูแลเพิ่มเติม เพื่อให้คุณสวยใสมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้นค่ะ
1. งดจับ แตะ กด เกาบริเวณที่ฉีด
หลังจากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ให้เรียบร้อย คนไข้จะต้องระมัดระวังการสัมผัสแผลฉีดเป็นอย่างมากโดยเฉพาะชั่วโมงแรกเพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อจากมือที่สกปรก และเมื่อผ่านไปแล้ว 3 ชั่วโมงจึงค่อยแกะพลาสเตอร์ปิดแผลออก ทั้งนี้อาจเกิดรอยช้ำบริเวณแผลบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ รอยดังกล่าวจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 2-3 วัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามห้ามนำมือไปสัมผัสแผลจนกว่าแผลจะหายสนิทจะดีที่สุดค่ะ
2. งดสัมผัสความร้อนบริเวณที่ฉีด
เนื่องจากความร้อนมีผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์ หากฟิลเลอร์สัมผัสกับความร้อนนาน ๆ อาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลหรือเคลื่อนตัวไปยังบริเวณอื่น ทางที่ดีหมอโบขอแนะนำให้งดการทำทรีตเมนท์ งดเลเซอร์ร้อนทุกชนิด หรืองดทำกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนหลังฉีดฟิลเลอร์
3. เติมฟิลเลอร์ให้ร่างกายด้วยการดื่มน้ำ
หมอโบแนะนำให้ดื่มน้ำเป็นประจำอย่างน้อย 12 แก้ว/วัน (ประมาณ 2-3 ลิตร) เพราะนอกจากที่น้ำจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว น้ำยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟิลเลอร์คงอยู่ในร่างกายได้นานขึ้นอีกด้วยนะคะ ตามหลักของฟิลเลอร์นั้นโมเลกุลของฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายไปตามกาลเวลา ดังนั้นการดื่มน้ำจึงช่วยเติมเต็มหรือแทนที่โมเลกุลของฟิลเลอร์ที่หายไปด้วยโมเลกุลของน้ำนั่นเองค่ะ นอกจากนี้น้ำยังมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว เมื่อดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะก็จะช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนบำรุงผิวได้มากขึ้น ผิวจึงชุ่มชื้นขึ้นนั่นเองค่ะ
4. เลือกรับประทานอาหารให้มากขึ้น
หมอโบแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด ไม่ว่าจะหวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด หรือเปรี้ยวจัดก็ตาม เพราะอาหารรสจัดมีผลไปกระตุ้นกระบวนการอักเสบของแผลให้เกิดง่ายขึ้นได้ค่ะ ส่วนอาหารหมักดองนั้นก็ควรงดเช่นกันค่ะ เนื่องจากมีส่วนประกอบของสีผสมอาหาร สารกันเสียและสารฟอกสี ปะปนอยู่ในอาหารเหล่านี้ หากรับประทานอาหารเหล่านี้บ่อย ๆ อาจก่อให้เกิดการอักเสบติดเชื้อง่ายขึ้นด้วยค่ะ
และที่สำคัญต้องงดอาหารประเภทกึ่งสุกกึ่งดิบอย่างไข่ลวก ปลาร้า เนื้อมีเดียมแรร์ รวมถึงผักผลไม้สด ก็ควรนำมาล้างให้สะอาดก่อนทานทุกครั้งนะคะ เพราะอาหารเหล่านี้อาจมีสิ่งเจือปนอย่างเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส พยาธิ และเชื้ออื่น ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลให้เชื้อโรคเข้าไปในเส้นเลือดและทำให้แผลติดเชื้อง่ายขึ้นด้วยค่ะ
5. พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนอย่างเพียงจะช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้แผลหลังฉีดหายไว ฟิลเลอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อยู่ได้นานตามอายุการใช้งานของฟิลเลอร์ค่ะ โดยการนอนที่ดีควรนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมง/วัน ควรนอนตั้งแต่ 20:30-22:00 น. และตื่นเวลา 05:30-7:00 น. จะดีที่สุดค่ะ
6. เลือกท่านอนที่เหมาะสม
หลังฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 2-3 คืนแรก คนไข้ควรเลือกท่านอนให้เหมาะกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรให้ใบหน้าถูกกดทับจนมีผลต่อฟิลเลอร์ ยกตัวอย่างเช่น ใครที่ฉีดฟิลเลอร์คางก็ควรนอนยกหัวให้สูงกว่าหน้าอก โดยใช้หมอนหนุนศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ และห้ามนอนตะแคงเด็ดขาด ทั้งนี้อาจหาหมอนข้างมากันใบหน้าไว้ทั้งสองฝั่งเลยก็ดีค่ะ หรือหากคนไข้ฉีดฟิลเลอร์ขมับมา ก็ควรหลีกเลี่ยงท่านอนที่กดทับบริเวณขมับ เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือปวดหัวง่ายขึ้นค่ะ
7. บริหารความเครียดให้ดี
ความเครียดไม่เคยให้อะไรต่อร่างกาย แถมยังพ่วงผลเสียต่อร่างกายมาอีกมาก โดยเฉพาะการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายเกิดการรวนและมีปัญหา จนกลายเป็นปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นผิวหย่อนคล้อย บอบช้ำง่าย ผิวแห้งเสีย ฯลฯ
8. งดสูบบุหรี่
รู้มั้ยคะว่าในบุหรี่มีสารพิศอันตรายหลายชนิดที่ส่งผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด หากสูบบุหรี่หลักการรักษาอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่บวม ยุบตัวช้าลง อีกทั้งร่นระยะเวลาของผลการรักษาให้เหลือน้อยลงด หรือในกรณีที่คนไข้ฉีดปากกระจับมา อาจทำให้ปากกระจับผิดรูปได้ด้วยค่ะ หากคุณติดบุหรี่ หมอโบขอแนะนำให้งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ดีค่ะ
9. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์โดยตรง เนื่องจากเครื่องดื่มชนิดนี้มีผลทำให้ผู้ที่ดื่มมีสติสัมปชัญญะลดลง ควบคุมตัวเองยากขึ้น ส่งผลให้อาจเผลอสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ง่ายขึ้น และอาจทำให้ฟิลเลอร์ผิดรูปได้ในที่สุดค่ะ
10. ทำตามข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างเคร่งครัด
ข้อนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ เพราะหากคนไข้ละเลยการดูแลตัวเอง ใช้ชีวิตเหมือนเคยโดยที่ไม่ระมัดระวังบริเวณที่ฉีดแม้แต่น้อย นอกจากจะไม่เห็นผลลัพธ์การรักษาที่ชัดเจนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณแผลฉีดง่ายขึ้นด้วยนะคะ และที่สำคัญยังต้องเสียเงินเสียเวลามานั่งฉีดฟิลเลอร์ใหม่อีกรอบ แทนที่จะได้ฉีดตามระยะเวลาของฟิลเลอร์นั้น ๆ
ฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บทความที่น่าสนใจ
- อยากหน้าใสต้องฉีดอะไร ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ ทำเมโสดีกว่ากัน
- เคล็ดลับเพิ่มความฉ่ำให้ผิว สยบผิวแห้งกร้าน ให้เนียนชุ่มชื้น
- อันตรายจากการซื้อฉีดเมโสเอง ร้ายแรงกว่าที่คุณคิด