หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ฉีดโบท็อกมา่แล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าพฤติกรรมใดที่เสี่ยงที่ทำให้โบท็อกอยู่ได้ไม่นานมาก หรือมีพฤติกรรมไหนบ้างที่ทำให้โบท็อกอยู่กับเราได้นานมากยิ่งขึ้น วันนี้หมอโบจะมาแนะนำข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกให้ทุกคนฟังและลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันค่ะ
ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกที่คุณควรรู้
1. งดสัมผัสใบหน้า
ไม่ว่าจะเป็นการนวด กด บริเวณที่ฉีด ส่วนการแต่งหน้าหลังฉีดก็ควรงดด้วยเช่นกันนะคะ ควรงดเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ค่ะ เนื่องจากการสัมผัสบริเวณที่ฉีดบ่อย ๆ นอกจากจะทำให้โบท็อกไหลและกระจายตัวไปหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการแล้วยังทำให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ แต่ทั้งนี้คุณสามารถล้างหน้าได้ตามปกติแต่ต้องเป็นช่วงหลังการฉีดโบท็อกไปแล้ว 4 ชั่วโมงและควรล้างหน้าอย่างเบามือเพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกไหลค่ะ
2. งดนอนราบและนอนตะแคง
แม้ว่าคนไข้หลายคนรู้สึกเพลีย อยากนอนพักสักงีบ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราไม่แนะนำให้นอนราบหรือนอนตะแคงหลังฉีดประมาณ 3-4 ชั่วโมงค่ะ หรือแม้แต่การก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจก็ด้วยค่ะ เพราะอาจทำให้โบท็อกกระจายตัวมากเกินไปจนไหลไปยังจุดที่แพทย์ไม่ต้องการและเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงง่ายขึ้นค่ะ
3. งดให้ใบหน้าโดนความร้อน
เช่น การเลเซอร์ การซาวน่า การอบไอน้ำ เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ เพราะความร้อนจากกิจกรรมดังกล่าวมีผลทำให้โบท็อกสลายไวขึ้นและตัวยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงไอร้อนจากเตาหมูกระทะหรือเตาชาบูอีกด้วยค่ะ ทั้งนี้หากมีเหตุจำเป็นให้ต้องไปกินชาบูหมูกระทะจริง ๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงใบหน้าไม่ให้โดนไอร้อนให้มากที่สุกเท่าที่จะทำได้ค่ะ ส่วนการทำหัตถการอื่น ๆ ก็ควรงดไปก่อนนะคะ เพราะการทำหัตถการจะต้องใช้คลื่นความร้อนลงไปสู่ชั้นผิวหนังและทำให้โบท็อกเสื่อมไวขึ้นค่ะ
4. งดออกกำลังกาย
แม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ แต่การออกกำลังกายจะไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้เพิ่มมากขึ้นและกระตุ้นให้โบท็อกกระจายไปยังบริเวณอื่นของใบหน้าที่เราไม่ต้องการ นอกจากนี้การออกกำลังกายยังทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว โบท็อกออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แถมยังกระตุ้นให้เกิดการบวมช้ำบริเวณที่ฉีดง่ายขึ้นด้วยค่ะ ดังนั้นควรงดออกกำลังกายไปกัน 24 ชั่วโมงนะคะ
5. งดรับประทานอาหารที่ทำให้ติดเชื้อง่าย
ไม่ว่าจะเป็นอาหารรสจัด รสเผ็ดจัด รสเค็ม เพราะจะกระตุ้นให้ร่างกายขับเหงื่อหรือน้ำมูกบ่อย ซึ่งสารคัดหลั่งเหล่านี้อาจสัมผัสโดนแผลและเกิดการติดเชื้อได้ ส่วนอาหารหมักดอง, อาหารแปรรูป, อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ และอาหารทะเลสด ก็ควรงดด้วยเช่นกันค่ะ เพราะอาหารเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการปรุงให้สุกแบบ 100% จึงมีโอกาสที่เชื้อโรคจะปนเปื้อนอยู่ในอาหารและเข้าสู่ร่างกาย ก่อให้เกิดการอักเสบง่ายขึ้นด้วยค่ะ ทั้งนี้ควรงดอาหารเหล่านี้อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์จะดีที่สุดค่ะ
6. งดการรับประทานยาบางประเภท
แม้ว่ายาจะช่วยรักษาโรคแต่ยาบางประเภทก็มีผลต่อการฉีดโบท็อกได้ด้วยนะคะ โดยเฉพาะกลุ่มยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดจะมีผลทำให้เลือดหยุดช้า มีเลือดไหลไปที่แผลบ่อย ส่งผลให้แผลหายช้า หรืออาจเกิดรอยช้ำได้ สำหรับยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดได้แก่ วิตามิน E (Vitamin E), ยาต้านการอักเสบ ชนิด NSAIDs อย่างแอสไพริน (Aspirin) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
7. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เป็นผลทำให้แผลบริเวณที่ฉีดหายยาก เกิดอาการแดงหรือการอักเสบง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังออกฤทธิ์ขับธาตุสังกะสี (Zinc) ออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ ส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ในร่างกายทำได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้แผลหายช้า อีกทั้งกระตุ้นให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวและรบกวนการออกฤทธิ์ของโบท็อก และที่สำคัญเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังมีฤทธิ์ทำให้การควบคุมสติไม่เต็ม 100% เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือหกล้มจนใบหน้าถูกกระแทกและเกิดรอยฟกช้ำบริเวณที่ฉีดง่ายขึ้น ทางที่ดีควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปก่อนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือถ้าจะให้ดีควรงดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ค่ะ
7. งดสูบบุหรี่
เพราะบุหรี่มีสารนิโคติน (Nicotine) ที่กระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้โบท็อกกระจายไปยังจุดอื่นที่ไม่ต้องการและทำให้โบท็อกออกฤทธิ์ไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้บุหรี่ยังมีสารพิษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสารทาร์ (Tar) ที่ทำให้เยื่อบุหลอดลมเคลื่อนไหวผิดปกติ, คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) ขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง, ไฮโดรเจนไดออกไซด์ (Hydrogen dioxide) ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหลอดลม หลอดลมอักเสบเรื้อรัง, แอมโมเนีย (Ammonia) ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ และอื่น ๆ อีกมาก ทางที่ดีควรเลิกสูบบุหรี่เลยจะดีที่สุดค่ะ แต่หากยังเลิกไม่ได้ควรงดไปก่อน 24 ชั่วโมงค่ะ
ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ทำไมต้อง De Beau Clinic
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บทความที่น่าสนใจ
- ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นตุ่มใสๆ อันตรายมั้ย ดูแลตัวเองอย่างไรดี
- ฉีดฟิลเลอร์ หน้าเด็กจริงไหม ดูแลหลังฉีดอย่างไร หมอโบมีคำตอบ
- เติมเต็มริ้วรอยด้วยฟิลเลอร์ ดีจริงไหม ใครอยากรู้ต้องอ่าน!!