แม้ว่าหลายคนจะเคยได้ยินมาว่าการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยให้ใบหน้ากระชับขึ้นได้ก็จริง แต่ก็อาจมีอีกหลายคนที่ยังสงสัยว่าฉีดแล้วดีอย่างไร ต้องฉีดบ่อยแค่ไหนถึงจะดีต่อตัวคุณเอง เลือกฉีดอย่างไรให้ปลอดภัยต่อตัวเราเองมากที่สุด วันนี้หมอโบจะมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
ฉีดโบท็อกดีอย่างไร มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง?
หลังจากแพทย์ฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin A) เข้าไปยังบริเวณที่มีริ้วรอย ตัวสารดังกล่าวจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงภายใน 48 – 72 ชั่วโมง และออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อให้ริ้วรอยบริเวณคลายตัวลง จางลงอย่างเห็นได้ชัด โดยภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงจะเกิดนานประมาณ 4 – 6 เดือน ในช่วงที่ยากำลังออกฤทธิ์จะส่งลผให้ไม่เกิดรอยพับเมื่อขยับผิวส่วนต่าง ๆ บนใบหน้า สำหรับข้อดีของโบนั้นท็อกมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า
- ปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น ดูมีมิติ
- ลดริ้วรอยหย่อนคล้อยบนใบหน้า
- ช่วยกระชับผิวหน้าให้ดูเรียวเล็ก
- เพิ่มความอ่อนเยาว์ของใบหน้า
ฉีดโบท็อกตรงไหนได้บ้าง?
- ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
- ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
- ริ้วรอยตีนกา
- ริ้วรอยบริเวณสันจมูก
- รอยย่นบริเวณคาง
- กล้ามเนื้อกราม
- กรอบหน้า
ฉีดโบท็อกริ้วรอยใช้กี่ยูนิต?
- ระหว่างคิ้วใช้ประมาณ 12 – 25 Units
- หน้าผากใช้ประมาณ 20-30 Units
- ตีนกาใช้ประมาณ 12-25 Units
- ใต้ตาใช้ประมาณ 2-4 Units
โบท็อกเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยโดยด่วน
- ผู้ที่ต้องการใบหน้าเรียวเล็กโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการลดโหนกแก้มหรือยกมุมปาก
- ผู้ที่ต้องการลดปีกจมูก
โบท็อกไม่เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่แพ้สารโบทูลินั่ม แอนตี้ท็อกซิน (Botulinum Toxin)
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงตั้งครรภ์
- ผู้ที่ติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
- ผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายหยุดยาก หรือโรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia)
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Amyotrophic Lateral Sclerosis) และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงแลมเบิร์ท-อีทัน หรือโรคเลมส์ (Lambert-Eaton myasthenic syndrome
เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดบ็อกโท?
- งดยากลุ่มกรดวิตามิน A , AHA และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS อย่างเช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และนาพรอกเซน (Naproxen) เพื่อป้องกันภาวะเลือดหยุดไหลยาก อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการฉีด
- งดกิจกรรมที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการรักษา เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หากมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบทุกครั้ง
- พักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ผลข้างเคียงหลังฉีดโบท็อก?
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะมีเพียงอาการบวมเล็กน้อย แต่ในคนไข้บางรายอาจมีได้รับผลข้างเคียงหลังฉีดโบท็อกดังต่อไปนี้
- ใบหน้าดูไม่สมมาตร
- บริเวณที่ฉีดบวมแดง ช้ำ
- มีอาการแพ้เห่อแดงบริเวณที่ฉีด
- รู้สึกว่าบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้
- หนังตาตกชั่วคราว
- หางคิ้วกระดก คิ้วเลิกสูงขึ้น บางรายอาจมีรอยย่นขึ้นบริเวณด้านข้างของคิ้ว
- มีเลือดออกมาจากบริเวณที่ฉีด
ดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกอย่างไรบ้าง
- หลังจากฉีดเสร็จแล้ว ต้องขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้ตัวยากระจายเข้าสู่กล้ามเนื้อได้มากขึ้น
- งดสัมผัสใบหน้าหรือนวดหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกไปยังส่วนอื่นนอกเหนือจากบริเวณที่ฉีด
- งดนอนราบหลังการฉีดอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ใบหน้าอยู่ต่ำกว่าหัวใจและมีเลือดไหลเวียนใบหน้าง่ายขึ้น ส่งผลให้โบท็อกสลายตัวไวขึ้น
- งดกิจกรรมที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อก เช่น ออกกำลังกาย เล่นโยคะ
- งดกิจกรรมที่ทำให้ผิวหน้าสัมผัสกับความร้อนโดยตรง เช่น อบซาวน่า อยู่กลางแดดเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกสลายตัวไว
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังการฉีดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันแอลกอฮอล์ขัดขวางการทำงานของโบท็อก
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ แผลบริเวณที่ฉีดหายไว โบท็อกออกฤทธิ์ได้เต็มที่
- รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ รวมถึงอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) ปริมาณ 15 – 20 mg. ต่อวัน เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น
- คนไข้สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องทำอย่างเบามือ
- หากพบความผิดปกติหลังฉีดโบท็อก ให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ
ต้องฉีดบ่อยแค่ไหนถึงจะดีต่อตัวคุณ
หากคนไข้ต้องการคงผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกเอาไว้ให้อยู่บนใบหน้าของเราไปนาน ๆ นอกจากจะดูแลตัวเองตามคำแนะนำด้านบนแล้ว หมอโบแนะนำให้ฉีดโบท็อกเป็นประจำทุก 4 – 6 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่โบท็อกยังคงออกฤทธิ์อยู่ และแม้ว่าโบท็อกสามารถฉีดได้หลายส่วนบนใบหน้า แต่หมอโบไม่แนะนำให้ฉีดอยู่ 2 บริเวณ ได้แก่ รอบปากหรือมุมปากซึ่งเป็นบริเวณที่เสี่ยงต่อปากเบี้ยว และถุงใต้ตาเพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อหย่อนและเป็นปัญหาต่อการมองเห็นได้ด้วยนะคะ
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บทความที่น่าสนใจ
- ข้อดีของการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ เมโสลดไขมัน ร้อยไหม แตกต่างกันอย่างไร?
- ฉีดโบท็อกดีต่อผิวหน้าจริงมั้ย ดูแลยังไงถึงจะเห็นผลยาวนาน