Juvederm กับ Restylane ต่างกันยังไง เช็คให้ชัวร์ก่อนฉีด ตัวไหนจึ้งที่สุด?

Juvederm กับ Restylane ถือเป็นฟิลเลอร์ 2 ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และด้วยความนิยมที่ว่านี่เองที่ทำให้หลาย ๆ คนไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกยี่ห้อไหนดีเพื่อให้ตอบโจทย์กับตนเองมากที่สุด ดังนั้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจทุก ๆ คนได้ทำการศึกษาเพื่อนำข้อมูลของทั้ง 2 ฟิลเลอร์นี้มาเปรียบเทียบเพื่อพิจารณาให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด ในบทความนี้หมอโบจึงรวบรวมข้อมูลของทั้ง 2 ยี่ห้อนี้มาฝากทุก ๆ คนแล้วค่ะ จะมีอะไรบ้าง มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

juvederm กับ restylane

Juvederm กับ Restylane ต่างกันยังไง ปี 2024 นี้เลือกยี่ห้อไหนจึ้งใจที่สุด?

“ฟิลเลอร์” เป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมของวงการเสริมความงาม ในปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายแบบหลายยี่ห้อให้เลือกมากมาย แต่จะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีก็คงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะฟิลเลอร์ยอดนิยม 2 ยี่ห้ออย่าง Juvederm และ Restylane ที่หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว ซึ่งต้องบอกก่อนค่ะว่า แม้จะเป็นฟิลเลอร์เหมือนกัน แต่ทั้ง 2 ยี่ห้อก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพิจารณาในการเลือกฉีดด้วย ดังนั้น การทราบถึงรายละเอียดของฟิลเลอร์ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นค่ะ

ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร มาทำความรู้จักกัน!!

จูวีเดิม เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกา หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อว่า ฟิลเลอร์เมกา นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand จูวีเดิมเป็นกรดไฮยาลูโรนิก HA (Hyaluronic acid) ที่ช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเหมือนวิธีการรักษาปัญหาริ้วรอยแบบอื่น ตัวฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นเจลเนื้อเนียนใสคล้ายคริสตัล จูวีเดิมมีหลายรุ่นด้วยกันค่ะ ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อปัญหาเฉพาะจุดโดยเฉพาะ จูวีเดิมได้รับการรับรองจาก FDA ของไทยและสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยต่อร่างกายแน่นอนค่ะ นอกจากจะเป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูงแล้ว จุดเด่นของจูวีเดิมอีกอย่างหนึ่งก็คือตัวฟิลเลอร์จะมีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับใครก็ตามที่กลัวเจ็บ ฉีดตัวนี้ได้สบายใจแน่นอนค่ะ

ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น เหมาะกับจุดไหนบ้าง

ต้องบอกก่อนนะคะว่าจูวีเดิมมีเทคนิคการผลิตทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่ เทคโนโลยี Hylacross ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การอุ้มน้ำได้ดีและมีความยืดหยุ่นสูง ผลลัพธ์หลังการฉีดจึงช่วยให้ผิวเรียบเนียนและมีความยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้เนื้อฟิลเลอร์ยังมีความฟูมาก สามารถเติมร่องลึกได้เป็นอย่างดี รวมถึงตำแหน่งที่ไขมันหายไปเป็นจำนวนมากอีกด้วย จึงเหมาะสำหรับตำแหน่งผิวที่มีการขยับบ่อย ๆ อย่างร่องแก้ม ส่วนเทคโนโลยี Vycross เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อมาจาก Hylacross มีจุดเด่นเรื่องโมเลกุลที่ยึดเกาะและการยกกระชับ มีอัตราการบวมน้ำน้อยมาก จึงมีคุณสมบัติยกกระชับผิวได้ดี ผิวเรียบเนียน สำหรับฟิลเลอร์จูวีเดิมมีหลากหลายรุ่นและมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปดังต่อไปนี้

1. Juvederm Ultra XC

เนื้อฟิลเลอร์จะมีความเรียบเนียน ฟูน้ำได้ดีมาก เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยลึกบริเวณแก้มตอบ ขมับ จมูก ร่องมุมปาก และคาง สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 8-12 เดือน

2. Juvederm Ultra plus XC

ตัวฟิลเลอร์ผลิตโดยเทคโนโลยี Hylacross เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะนิ่มฟูมาก มีความคงตัวสูง มีส่วนช่วยในการปรับริ้วรอยบนใบหน้าให้เรียบเนียน ปานกลางถึงรุนแรง รอยพับรอบจมูก ขมับ และปาก สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน

3. Juvederm Volbella

เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนุ่มนิ่มที่สุดเพราะมีโมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยเติมความเรียบเนียนให้ผิวแต่ยังคงผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติเอาไว้ ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน เหมาะสำหรับบริเวณใต้ตาและหน้าผาก สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน

4. Juvederm Volift

เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนิ่มและละเอียด ไม่ไหลง่าย ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่มีผิวบางอย่างใต้ตา ร่องน้ำหมาก ร่องแก้ม เพราะช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาและเบ้าตาโหล รวมถึงปรับ Volume ปากได้ดีทีเดียว สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12-18 เดือน

5. Juvederm Volite

เนื้อฟิลเลอร์จะมีความละเอียดสูงที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ของจูวีเดิมทั้งหมด ตัวเนื้อฟิลเลอร์เบาบาง สามารถกลืนกินกับผิวได้เป็นอย่างดี ฉีดเข้าไปยังชั้นหนังแท้ได้ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและลดรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลง เหมาะสำหรับบริเวณที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ ริมฝีปาก ใต้ตา และลำคอ สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 6-8 เดือน

6. Juvederm Voluma

จัดเป็นรุ่นตัวท็อปยอดนิยมของจูวีเดิมเลยก็ว่าได้สำหรับ Juvederm Voluma เนื้อฟิลเลอร์จะมีความแน่น เรียบเนียน เนื้อฟูระดับปานกลาง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ อีกทั้งมีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับเติมบริเวณที่มีปัญหาง่ายอย่างใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ คาง แก้ปัญหาแก้มตอบ ขมับตอบได้เป็นอย่างดี สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 18-24 เดือน

7. Juvederm Volux

เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ของจูวีเดิมทั้งหมด ข้อดีของฟิลเลอร์รุ่นนี้จะอยู่ที่การกลืนกับผิวได้ดี ช่วยให้มีเนื้อสัมผัสเบา ขึ้นรูปสวยงาม คงรูปได้ดี แถมยังยกกระชับได้อีกด้วยค่ะ เหมาะสำหรับการปรับแนวขากรรไกร กระดูกกราม คาง ช่วยเพิ่มความยาวและเน้นให้กรอบหน้าดูชัดยิ่งขึ้น สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 18-24 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้กี่ปี

สำหรับระยะเวลาโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 8-18 เดือน หรือประมาณ 1-1 ปีครึ่ง หากต้องการคงผลลัพธ์เอาไว้ให้อยู่ได้นานที่สุดจะต้องกลับเข้ามาฉีดอย่างต่อเนื่องค่ะ

ผลข้างเคียงฟิลเลอร์ Juvederm มีอะไรบ้าง

สำหรับอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์จะมีทั้งแบบเล็กน้อยไปจนถึงระดับรุนแรง โดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและหายไปเองภายใน 1-21 สัปดาห์ ดังต่อไปนี้

  • อาการบวมบริเวณที่ฉีด
  • มีก้อนหรือตุ่มแดง กดแล้วรู้สึกเจ็บ
  • บริเวณที่ฉีดช้ำ เปลี่ยนสี

แต่หากแพทย์ที่ทำการฉีดไม่มีประสบการณ์มากพอ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพระยะยาวได้ ดังนี้

  • ตาพร่ามัว ตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปที่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงลูกตา
  • ผิวหนังขาดเลือดจนเนื้อตาย ผิวหนังกลายเป็นสีเทา
  • ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดและอุดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง จนกลายเป็นอัมพาต
  • เกิดการติดเชื้อจากฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน
  • แพ้ฟิลเลอร์ แม้จะเกิดได้น้อยแต่คนไข้บางรายอาจแพ้สารประกอบในฟิลเลอร์ได้เช่นกัน
  • เส้นประสาทบาดเจ็บและทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง

ฟิลเลอร์ Restylane คืออะไร ทำไมจึงเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยม?

เรสเทอเลนเป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อแรกของโลกจากประเทศสวีเดนที่ผ่านการรับรองจาก FDA ว่ามีความปลอดภัยสูง  เรสเทอเลนมีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ที่ช่วยให้กรดไฮยาลูโรนิก หรือ HA (Hyaluronic acid) เหมาะกับบริเวณที่ฉีดและเพิ่มระยะเวลาของฟิลเลอร์ให้คงอยู่บนใบหน้าได้นานยิ่งขึ้น เนื้อเจลมีความพอดี ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป สามารถสลายได้หมดเองในผิวหนังตามธรรมขาติ แถมยังไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาว อีกทั้งเหมาะสำหรับผิวของคนเอเชียโดยเฉพาะเนื่องจากตัวเจลจะกลืนตัวไปกับผิวพรรณได้อย่างเรียบเนียน

ฟิลเลอร์ Restylane มีกี่รุ่น อะไรบ้าง

เรสเทอเลนมีวิธีการผลิตฟิลเลอร์โดยใช้เทคโนโลยี 2 ประเภท ได้แก่ NASHA technology และ OBT Technology ซึ่งทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้จะมีส่วนผสมของยาชาด้วยกันทั้งสิ้น สำหรับ NASHA technology (Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ตัวฟิลเลอร์มีความคงตัวเฉพาะจุด สามารถขึ้นทรงได้ดี แถมยังไม่กลืนตัวกับผิวข้างเคียงอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนา ผิวแข็งแรง สำหรับรุ่นที่ผลิตด้วยวิธีนี้ได้แก่ Restylane classic, Restylane Lyft, Restylane Vital และ Restylane Vital Light ส่วนเทคโนโลยีที่สองคือ OBT Technology (Optimal Balance Technology) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ตัวเนื้อเจลปรับได้ตามการเคลื่อนไหวของคนไข้ มีความยืดหยุ่นมากกว่าเทคโนโลยีแบบแรก เมื่อฉีดแล้วจะดูไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง

สำหรับใครที่ต้องการผลลัพธ์หลังการฉีดที่ดี หมอโบการันตีว่าดราใช้ฟิลเลอร์ Restylane ให้แก่ผู้เข้ารับการรักษาทุกคนค่ะ

ในปัจจุบันเรสเทอเลนมีทั้งหมด 8 รุ่น ได้แก่ Restylane Classic, Restylane Defyne, Restylane Kysse, Restylane Perlane Lyft, Restylane Refyne, Restylane Vital, Restylane Vital Light และ Restylane Volyme โดยแต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างในด้านการใช้งานดังต่อไปนี้

1. Restylane Classic

เนื้อเจลมีโมเลกุลใหญ่รองลงมาจาก Restylane Lyft เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใต้ตาผิวชั้นลึก ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีผิวบางโดยเฉพาะ สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 8-12 เดือน

2. Restylane Defyne

ตัวฟิลเลอร์นิ่มระดับปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดบริเวณปาก มุมปาก ร่องแก้ม และแก้มตอบ สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 18 เดือน

3. Restylane Kysse

ตัวฟิลเลอร์มีเนื้อละเอียด มีความคงตัว เหมาะสำหรับฉีดบริเวณปากโดยเฉพาะ ช่วยให้ปากอวบอิ่ม ชุ่มชื้น สีปากดูสดใส สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน

4. Restylane Perlane Lyft

ตัวฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง คงรูปได้ดี เหมาะสำหรับฉีดบริเวณคาง ใต้ต้า และแก้มส้ม สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน

5. Restylane Refyne

ตัวฟิลเลอร์จะเป็นเนื้อเจลที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก มีความยิดหยุ่นสูง เนื้อเจลกลืนกับผิวได้ดี เหมาะสำหรับฉีดบริเวณปาก มุมปาก และร่องแก้ม สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 8-12 เดือน

6. Restylane Vital

ตัวฟิลเลอร์มีเนื้อละเอียด ปรับความชุ่มชื้นได้ดี ผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีดบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา หน้าผาก มีหลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบ สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 8 เดือน

7. Restylane Vital Light

ตัวฟิลเลอร์มีเนื้อละเอียด มีโมเลกุลเบาและมีอนุภาคขนาดเล็ก เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใต้ตาผิวชั้นตื้น ใต้ตา และริมฝีปาก สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน

8. Restylane Volyme

เนื่อเจลจะมีความอ่อนนุ่ม ขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง สามารถฉีดได้บริเวณใต้ตา แก้มและคาง ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึงมากขึ้น สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 18 เดือน

ผลข้างเคียงฟิลเลอร์ Restylane มีอะไรบ้าง

สำหรับอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์จะมีทั้งแบบเล็กน้อยไปจนถึงระดับรุนแรง โดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและหายไปเองภายใน 1-21 สัปดาห์ ดังต่อไปนี้

  • อาการบวมบริเวณที่ฉีด
  • มีก้อนหรือตุ่มแดง กดแล้วรู้สึกเจ็บ
  • บริเวณที่ฉีดช้ำ เปลี่ยนสี

แต่หากแพทย์ที่ทำการฉีดไม่มีประสบการณ์มากพอ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพระยะยาวได้ ดังนี้

  • ตาพร่ามัว ตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปที่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงลูกตา
  • ผิวหนังขาดเลือดจนเนื้อตาย ผิวหนังกลายเป็นสีเทา
  • ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดและอุดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง จนกลายเป็นอัมพาต
  • เกิดการติดเชื้อจากฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน
  • แพ้ฟิลเลอร์ แม้จะเกิดได้น้อยแต่คนไข้บางรายอาจแพ้สารประกอบในฟิลเลอร์ได้เช่นกัน
  • เส้นประสาทบาดเจ็บและทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้การประเมินว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุดโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเองก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะปัญหาใบหน้าในแต่ละจุดนั้นก็มีปัจจัยหลากหลาย ทำให้ต้องรักษาด้วยวิธีที่แตกต่างและเหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูธรรมชาติ และตรงใจ และต้องไม่ลืมว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุดด้วยค่ะ

สรุปแล้ว Juvederm VS Restylane เลือกยี่ห้อไหนดีกว่ากัน?

จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา ทุก ๆ คนคงเห็นแล้วว่าฟิลเลอร์ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ไม่ว่าจะเป็น Juvederm หรือ Restylane ก็ตาม ก็จะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกัน ทำให้เหมาะแก่การแก้ปัญหาเฉพาะจุด ดังนั้นจะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน ก่อนเข้ารับบริการ เราควรจะต้องพิจารณาว่าเราต้องการแก้ไขปัญหาส่วนไหนหรือต้องการแต่งเสริมเพิ่มเติมส่วนใดจึงจะเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะสมที่สุดนั่นเองค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ทำไมต้อง De Beau Clinic

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้จะเป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้รับรองจากอย.ไทย คือ ยี่ห้อ JUVEDERM , RESTYLANE ประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่งในฟิลเลอร์ไม่มั่นใจได้เลยว่า “สวย” เสี่ยงมากน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645

บทความที่น่าสนใจ