อายุน้อยแต่มีร่องแก้ม จนเสียความมั่นใจ ต้องแก้ไขโดยด่วน!

อายุน้อยแต่มีร่องแก้ม ถือเป็นปัญหาที่สาว ๆ หลายคนกำลังเผชิญอยู่และมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาร่องแก้มเห็นชัดนั้นมักเกิดขึ้นเมื่อเรามีอายุเพิ่มขึ้น การเกิดริ้วรอยบนใบหน้าบ้างจึงถือเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่หากเกิดขึ้นเมื่อสาว ๆ ยังมีอายุที่น้อยอยู่ การเกิดปัญหาริ้วรอยจึงอาจทำให้มีใบหน้าที่ดูแก่ก่อนวัยและทำให้สูญเสียความมั่นใจไปเลยทีเดียว ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่าการเกิดริ้วรอยร่องแก้มในกลุ่มคนอายุน้อยเกิดจากอะไรและมีวิธีแก้ไขยังไง

อายุน้อยแต่มีร่องแก้ม

อายุน้อยแต่มีร่องแก้ม เกิดจากอะไร แก้ไขด้วยวิธีไหนทันใจที่สุด?

ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณร่องแก้ม หรือ รอยย่นที่ร่องแก้ม ปัญหาของผู้หญิง ที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจนั้นมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากปัญหาของผิวที่ขาดคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งสารอาหารทั้งสองสิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวหนังของเรามีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และกระจ่างใส เมื่อเวลาผ่านไปอายุเพิ่มมากขึ้นคอลลาเจนและอีลาสตินมีปริมาณน้อยลงหรือเสื่อมสภาพ ผิวบริเวณนั้นก็จะเกิดรอยยับย่น ริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะคนที่มีอายุมากเท่านั้นนะคะ แม้แต่ในสาว ๆ ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะบางคนอาจจะขาดการดูแลตัวเอง เช่น ไม่ทาครีมบำรุง ตากแดดบ่อย ๆ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเช่น สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำก็สามารถส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพได้

3 ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาร่องแก้มในคนอายุน้อย

จากที่บอกไปค่ะว่าปัญหาร่องแก้มนั้นมักเกิดขึ้นเมื่ออายุเราเพิ่มขึ้น แต่สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยแต่มีปัญหาร่องแก้ม มักเกิดจาก 3 ปัจจัย ดังนี้ค่ะ…

1.ปัจจัยด้านร่างกาย

มักเกิดจากการที่ความหนาแน่นของคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวของเราลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้นค่ะ ต้องบอกก่อนว่าคอลลาเจนในร่างกายของเรานั้นจะเริ่มผลิตได้น้อยลงในช่วง 25 ปีเป็นต้นไป จึงทำให้ ผิวก็เริ่มขาดความกระชับ ไม่เต่งตึงเหมือนเดิม เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นขึ้น อย่างตีนกา รอยย่นที่หน้าผาก ร่องแก้ม ฯลฯ ตามมานั่นเองค่ะ

2.ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัวเรา

เช่น รังสียูวีในแสงแดด, ควันบุหรี่, ควันไอเสีย, เชื้อโรคที่อยู่ในอากาศ, ฝุ่นละออง หรือ PM 2.5 เป็นต้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้และสร้างความหย่อนคล้อยให้กับผิวได้อีกด้วยค่ะ และเพื่อเป็นการป้องกัน หมอโบแนะนำในสาว ๆ พยายามดูแลตนเองโดยการทาครีมกันแดด พกร่ม และสวมหน้ากากอนามัยในการป้องกันให้ครอบคลุมมากขึ้นค่ะ

3.ปัจจัยด้านพฤติกรรม

ส่วนใหญ่มักเป็นการที่สาว ๆ แสดงสีหน้าท่าทางออกมามาก ๆ เป็นประจำ ค่ะ โดยเฉพาะบริเวณที่ขยับบ่อย ๆ หรือยืดหดเยอะ ๆ มักทำให้เกิดความหย่อนคล้อยได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ระหว่างคิ้ว หน้าผาก ตีนตา ข้อศอก เป็นต้น ทั้งนี้ยังรวมถึง ความเครียด, การนอนพักผ่อนน้อย, ดื่มน้ำน้อย, สูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์ หรือทานของหวานบ่อย ๆ ก็ทำให้เกิดปัญหาร่องแก้มในกลุ่มสาว ๆ ที่มีอายุน้อยได้เช่นกันค่ะ

ซึ่งนี่เป็น 3 สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้กลุ่มคนอายุน้อยมีปัญหาริ้วรอยร่องแก้มค่ะ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วสิ่งที่ต้องทำก็คือการที่รีบแก้ไขโดยเร็วที่สุด ซึ่งหนึ่งวิธีที่หลาย ๆ คนมักเลือกคือการฉีดสารเติมเต็มอย่าง “ฟิลเลอร์” เพื่อแก้ไขให้ริ้วรอยนั้นหายไปได้อย่างทันใจและตรงจุดที่สุดนั่นเองค่ะ

“ฟิลเลอร์ร่องแก้ม” วิธีแก้แบบได้ผลจริง!

สำหรับใครที่ไม่อยากให้ริ้วรอยบริเวณแก้มเกิดขึ้นมาเร็ว สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ การทาครีมบำรุงเป็นประจำ (ถึงแม้ว่า สาว ๆ หลายคนจะรู้สึกขี้เกียจที่ต้องลุกขึ้นมาทาครีมบำรุง แต่เชื่อหมอโบเถอะค่ะ ว่ามันดีกับผิวเราจริง ๆ ) อย่าลืมทากันแดดด้วยนะคะ อันนี้สำคัญมากลืมไม่ได้เด็ดขาด การทาครีมกันแดดนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องทาเฉพาะตอนที่ต้องออกไปเจอแดดนอกบ้านเท่านั้นนะคะ เพราะรังสี UV นั้นไม่ได้มีเฉพาะที่แดดค่ะ แต่มีแฝงอยู่ในทุก ๆ ที่ เช่น ในที่ร่ม ในอาคาร แสงจอคอม แสงจากโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากค่ะ

นอกจากนี้ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ทานอาหารหวาน และอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป อย่าลืมดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่าวันละ 2 ลิตรด้วย เพราะน้ำจะช่วยเติมให้ผิวมีความชุ่มชื้น ช่วยให้คอลลาเจนในผิวหนังมีความยืดหยุ่น ไม่แก่ก่อนวัยค่ะ ซึ่งวิธีที่กล่าวมานี้จะเห็นผลมาก ๆ สำหรับสาว ๆ ในวัย 20 – 25 ปี แต่สำหรับสาวใหญ่ที่มีอายุ 30 – 35 ปี วิธีนี้อาจจะได้ผลไม่มาก เนื่องจากช่วงอายุที่มากกว่า และปริมาณการผลิตคอลลาเจนในร่างกายมีการผลิตน้อยลงสู้สาว ๆ ไม่ได้ ดังนั้นหากต้องการให้ใบหน้าสวยเนียน เด้งเป๊ะ อาจจะต้องใช้ตัวช่วยดี ๆ อย่าง “ฟิลเลอร์” เข้าช่วยเหลือค่ะ

  

ฟิลเลอร์คืออะไร?

ฟิลเลอร์นั้นเป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบที่สำคัญจากสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (hyaluronic acid) มีหน้าที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยส่วนต่าง ๆ ได้ทั้งริ้วรอยลึกและตื้นให้ดูดี ผิวเรียบเนียน มีความเด้งดึ่ง เต่งตึง ฉ่ำน้ำ ทำให้ในปัจจุบันนิยมใช้ฟิลเลอร์ในการแก้ปัญหาให้หลากหลายพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็น รอยย่น ริ้วรอยรอบดวงตา รอยหมองคล้ำใต้ตา เพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก ปรับโครงหน้า เสริมคาง เติมขมับ แถมยังปลอดภัย 100% เพราะสารไฮยาลูโรนิคแอซิดสามารถสลายตัวได้ภายใน 6 เดือน – 2 ปี (แล้วแต่ปริมาณที่ฉีดและการดูแลตัวเองของคนไข้) ทำให้มั่นใจว่าไม่มีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ในร่างกายแน่นอนค่ะ

อยากฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ต้องฉีดอย่างไร?

สำหรับผู้ที่มีปัญหารอยลึกตรงร่องแก้ม จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และวิเคราะห์โครงหน้าก่อนว่าต้องใช้การฉีดแบบใด เพราะใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มจะใช้วิธีการฉีด 2 แบบ ด้วยกัน คือ

  1. ฉีดหนุนที่บริเวณกระดูกร่องแก้ม : วิธีนี้แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเพื่อเสริมให้ร่องแก้มที่ลึกดูตื้นขึ้น หรือในบางรายที่มีเนื้อใต้ตาเยอะ กระดูกร่องแก้มเสื่อมสภาพลง ตัวฟิลเลอร์ก็จะเข้าไปหนุนร่องลึกตรงจุดนี้ แล้วดึงผิวหนังให้ตึงขึ้น ร่องแก้มที่ลึกก็จะตื้นขึ้นมาทันทีอย่างเห็นได้ชัด
  2. ฉีดที่ร่องแก้มโดยตรง : สำหรับวิธีนี้จะเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะจุดสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มเกิดริ้วรอย รอยย่น หรือรอยพับของผิวหนังบนใบหน้า ซึ่งการฉีดด้วยวิธีนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์ และกำหนดบริเวณที่ต้องฉีด เพื่อให้ได้ผลแม่นยำ และแก้ปัญหาร่องลึกได้ตรงจุดที่สุด

ซึ่งนี่เป็นเพียงขั้นตอนของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ ซึ่งแต่ละสถานที่ให้บริการอาจมีมากหรือน้อยกว่านี้ตามมาตรฐานของแต่ละที่ค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีผลข้างเคียงหรือไม่?

ในการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละครั้งจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกาย หากใช้ผลิตภัณฑ์ของฟิลเลอร์แท้ที่มีคุณภาพและตามมาตรฐาน อย. ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น สารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบสารที่ร่างกายผลิตออกมาอยู่แล้ว ทำให้ไม่เป็นผลเสียต่อร่างกายและยังสามารถสลายตัวไปเองได้ภายใน 1-2 ปี (แล้วแต่บุคคล) แต่สำหรับผู้ที่ฉีดแล้วพบว่าเกิดอาการบวม หรือคลำเจอก้อนหลังฉีดก็ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ เพราะอาการบวมนั้นสามารถยุบได้เอง และจะกลับมาเนียนเรียบแบบเดิมในที่สุด 

วิธีดูแลตัวเอง “ก่อน”ทำการฉีดฟิลเลอร์

  • ควรงดทานยา แอสไพริน, NSAIDs เช่น ibruprofen diclofenac ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำ และหากมีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาจำพวกนี้ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนหยุดทานนะคะ
  • งดการทานวิตามินบางชนิด เช่น  St. Johns Wort, ginko biloba,Vitamin E เวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำ
  • หยุดการแว็กซ์ผิว ผลัดผิว หรือการดึงขนหรือโกนขนในบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนมาทำ
  • ห้ามนวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ อย่างน้อย 3 วัน
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนทำ
  • ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ เช่น ซาวน่า การออกกำลังกายแบบ Cardio

ดูแลตัวเอง “หลัง” ทำการฉีดฟิลเลอร์

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด เช่น การจับ การแตะ การเกา การกด โดยเฉพาะจุดที่มีรอยช้ำ เพราะอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 7 วัน หากไม่ดีขึ้นต้องกลับมาพบแพทย์ค่ะ
  • อยู่ให้ห่างกับความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ 7 วัน
  • งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารแสลงหรืออาหารดิบ เช่น ปูเค็ม ปลาร้า แหนม ปลาดิบ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดนวดหน้า ทรีทเมนท์ และเลเซอร์ผิวหน้า อย่างน้อย 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการเสริมความงามเฉพาะทาง ดังนั้น ผู้ที่ต้องการฉีดควรเลือกสถานพยาบาล หรือคลีนิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ และชำนาญการด้านผิวหนังโดยเฉพาะ สิ่งที่ต้องตรวจอย่างละเอียดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดว่าได้มาตรฐานและเป็นของแท้หรือไม่ ควรสอบถามหรือตรวจสอบด้วยตนเองทุกครั้ง เพราะการใช้ฟิลเลอร์แท้ รวมถึงแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจะไม่เกิดความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงตัวผู้ฉีดเองก็จะมั่นใจได้ว่าใบหน้าของเราจะสวยงาม ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยตามที่ต้องการด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ทำไมต้อง De Beau Clinic

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645

บทความที่น่าสนใจ