ดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกอย่างไรให้ผลลัพธ์ยังคงอยู่ได้นาน

แม้ว่าการฉีดโบท็อกจะช่วยลดริ้วรอยได้จริง แต่หากคนไข้ดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกได้ไม่ดีพอ อาจต้องกลับมาฉีดโบท็อกซ้ำไวกว่าคนทั่วไปได้ด้วยนะคะ วันนี้หมอโบจะมาแนะนำวิธีดูแลตัวหลังฉีดอย่างไรให้ผลลัพธ์ยังคงอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่ทำได้

หลังฉีดโบท็อก

4 วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก

1. ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

แม้ว่าบริเวณที่ฉีดโบท็อกจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม แต่หากคนไข้หยุดยาไปเองโดยไม่รับประทานให้ครบตามแพทย์จ่ายยาให้ ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาตามมาจนผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่แพทย์กำหนดไว้ด้วยนะคะ

2. บริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด

แม้ว่าแพทย์จะให้คนไข้ขยับและเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดหลังการฉีดโบท็อกทันทีประมาณ 1 – 2 ครั้ง แต่การเคี้ยวหมากฝรั่งเบา ๆ ประมาณ 30 นาที จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดและช่วยให้โบท็อกกระจายเข้าสู่ผิวหนังได้ดี ผลลัพธ์คงอยู่ได้ไวและนานขึ้นได้ด้วยค่ะ

3. หากพบความผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

ยังมีคนไข้อีกหลายคนที่พบเลือดไหลออกจากบริเวณที่ฉีดแล้วคิดว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น แม้ว่าจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้หลังจากฉีดโบท็อก แต่หากคนไข้ใช้สำลีสะอาดซับออกแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือพบอาการปวดบวมร่วมด้วย นั่นอาจหมายถึงเกิดความผิดปกติขึ้นต่อแผล คนไข้ไม่ควรชะล่าใจนะคะ เพราะหากปล่อยไว้อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้นั่นเองค่ะ ทางที่ดีที่สุดควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อการรักษาที่ถูกวิธีค่ะ

4. ฉีดโบท็อกอย่างสม่ำเสมอ

ยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจผิดว่าการฉีดโบท็อกจะช่วยดูแลผิวหน้าได้นาน แต่ในความเป็นจริงแล้วการฉีดโบท็อกจะต้องฉีดเป็นประจำเพื่อคงผลลัพธ์ของการรักษาเอาไว้อย่างต่อเนื่อง หากคนไข้ปล่อยปละละเลยในการดูแลหลังฉีดโบท็อกบ่อย ๆ เข้า ก็อาจทำให้ระยะเวลาของผลลัพธ์สั้นลง ทางที่ดีควรเว้นระยะเวลาหลังการฉีดโบท็อกไปอย่างน้อย 3 เดือนแล้วค่อยกลับมาฉีดใหม่ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะดื้อโบท็อกจนร่างกายปฏิเสธโบท็อก ส่งผลให้การฉีดโบท็อกไม่เห็นผลค่ะ

ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก

นอกจากการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีแล้ว ยังมีข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกที่คนไข้ทุกคนควรงดทำตามเพื่อป้องกันโบท็อกเสื่อมไวกว่าอายุการใช้งานอีกด้วยนะคะ สำหรับข้อห้ามที่หมอโฐจะมาบอกมีดังนี้ค่ะ

1. งดสัมผัสบริเวณที่ฉีด

ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดยตรง หรืองดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด เพราะการสัมผัสบริเวณที่ฉีดบ่อยเกินไปอาจทำให้โบท็อกไหลไปยังบริเวณอื่นและหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ไหลไปหา ดังนั้นคนไข้จึงควรงดสัมผัสบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้โบท็อกดูดซึมและออกฤทธิ์ไปยังบริเวณที่ฉีดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพค่ะ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการงดนอนราบและนอนตะแคงด้วยนะคะ เพราะท่านอนทั้งสองท่านี้จะทำให้โบท็อกกระจายตัวไปยังส่วนอื่นนอกเหนือจากที่ฉีดจนเกิดอาการปากเปี้ยวหรือหนังตาตก ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าที่ผิวบริเวณดังกล่าวจะกลับมาเป็นปกติ ทั้งนี้ควรงดนอนหงายอย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมงหลังการฉีดจะดีมากค่ะ แต่ทั้งนี้คนไข้ยังสามารถล้างหน้าได้ตามปกตินะคะ เพียงแต่ต้องล้างเบา ๆ หน่อยนะคะ เพื่อป้องกันการฟกช้ำบริเวณที่ฉีดนั่นเองค่ะ

2. งดทานอาหารบางประเภท

ได้แก่ อาหารรสจัด อาหารหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและโบท็อกสลายตัวไว รวมถึงอาหารที่เหนียวหรือแข็งเกินไปที่จะทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานหนักแล้วขยายใหญ่ขึ้น ส่งผลให้อายุของโบท็อกสั้นลงค่ะ ทั้งนี้หลายคนอาจได้ยินมาว่าเครื่องดื่มคาเฟอีนและอาหารทะเลก็ควรงดเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถรับประทานได้ตามปกติค่ะ เพียงแต่ต้องรับประทานในปริมาณที่พอดีนะคะ เนื่องจากอาหารทะเลมีแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโบท็อกให้อยู่ได้นานขึ้น แต่หากรับประทานอาหารทะเลมากเกินไปก็อาจได้คอเลสเตอรอลสูงเป็นของแถมมาด้วยนะคะ ส่วนเครื่องดื่มคาเฟอีนนั้นก็ไม่ได้มีผลทำให้หลอดเลือดขยายตัวแต่อย่างใดค่ะ

3. งดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการสัมผัสกับความร้อนสูง

ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายอย่างหักโหม อยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือตากแดดเป็นประจำ, ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น อบซาวน่า เลเซอร์ร้อน รับประทานหมูกระทะหรือชาบูที่มีควันลอยเข้าใบหน้าเป็นเวลานาน โดยงดกิจกรรมเหล่านี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังการฉีด เนื่องจากความร้อนจะเข้าไปยังชั้นผิวหนังและสลายโบท็อกจนเสื่อมสภาพไวขึ้น เป็นเหตุให้ต้องมาฉีดโบท็อกในรอบต่อไปไวขึ้นด้วยค่ะ

4. งดรับประทานยาบางชนิด

ได้แก่ ยาฆ่าเชื้อแบบฉีดบางชนิด เช่น Kanamycin (กานามัยซิน), Polymyxin B (โพลีมัยซินบี), Streptomycin (สเตรปโตมัยซิน) และกลุ่มยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด เช่น Mivacurium (ไมวาคูเรียม), Rocuronium (โรคูโรเนียม), Tubocurarine chloride (ดีทูโบคูรารีน) เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการฉีดโบท็อกอย่างเช่น ปากแห้ง ตาพร่ามัว หรือมีรอยช้ำได้ด้วยค่ะ โดยคนไข้ควรงดยาเหล่านี้อย่างน้อยเป็นเวลา 4 เดือน หากครบกำหนดแล้วมีเหตุจำเป็นให้ต้องใช้ยาเหล่านี้ก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645

บทความที่น่าสนใจ