ผิวหน้าแห้งกร้านในช่วงหน้าร้อนถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่สาว ๆ หลายคนไม่อยากเจอ แต่กลับต้องเจอเป็นประจำ วันนี้หมอโบจะมาแนะนำกันว่าผิวแห้งเกิดจากอะไร รักษาให้หายได้มั้ย หากเกิดขึ้นกับคุณแล้วควรถามอย่างไรไม่ให้กลับมาทำร้ายผิวเราอีก หมอโบมีคำตอบค่ะ
ผิวหน้าแห้งกร้านเกิดจากอะไร
เกิดจากน้ำมันเคลือบผิวหนังลดลง ชั้นไขมันในผิวถูกทำลาย ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ โดยมีสัญญาณบ่งบอกอย่างผิวหน้าแห้งแตก เป็นขุย โดยทั่วไปเกิดจาก 3 สาเหตุหลักก็คือ
- ต่อมไขมันสำหรับหล่อเลี้ยงผิวทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวชุ่มชื้นน้อยลงอันเกิดจากลักษณะทางพันธุกรรม
- อายุเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังชั้นกำพร้าผลัดเซลล์ผิวได้น้อยลง
- การอยู่ในพื้นที่ที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เช่น พื้นที่ร้อนจัด หรือพื้นที่ที่มีอากาศแห้งจนผิวแห้งตาม
- พฤติกรรมเสี่ยง เช่น อาบหรือแช่น้ำร้อนเป็นประจำ อยู่ในพื้นที่ที่มีแดดจัด ใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ขจัดความมันบนใบหน้า
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ ผู้ป่วยภูมิแพ้ผิวหนัง ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน
- ร่างกายขาดวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะวิตามิน A, C, E และซิงค์ (Zinc)
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป ผิวจึงขาดความชุ่นชื้น เนื่องจากผิวมีส่วนประกอบของน้ำร่วมอยู่ด้วย
สัญญาณผิวหน้าแห้งกร้านที่คุณสังเกตได้
- ใบหน้าแห้งกร้านอย่างเห็นได้ชัด
- สีของผิวหน้าแดงขึ้นกว่าแต่ก่อน
- ผิวหน้าลอกเป็นขุย แตกลาย
- รู้สึกแสบคันบริเวณผิวหน้า
รวมวิธีรักษาผิวแห้งกร้านด้วยตัวเอง
1. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
หมอโบขอแนะนำให้เลือกสูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น สว่างสดใสแล้ว ยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่ออาการแพ้สารเคมีที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้อีกด้วย โดยเฉพาะอาการแพ้จากแอลกอฮอล์, น้ำหอม, เรตินอยด์ (Retinoids), สารซัลเฟต (Sulfates) เป็นต้น นอกจากนี้อย่าลืมทาโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำหลังจากอาบน้ำและทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกครั้งเมื่อต้องออกแดด และควรทาเป็นประจำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันผิวที่อาจอ่อนแอลงจากแดด
2. รับประทานอาหารที่มีวิตามินบำรุงผิว
ได้แก่ วิตามินซี (Vitamin C) สำหรับเติมคอลลาเจน (Collagen) อีกทั้งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ลดริ้วรอยก่อนวัย ชะลอความแก่ ส่วนวิตามินอี (Vitamin E) มีส่วนช่วยป้องกันการอักเสบของผิวและต่อต้านอนุมูลอิสระในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้อย่าลืมทานโอเมก้า 3 ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) จึงช่วยป้องกันรังสียูวีจากแดดและช่วยป้องกันการเกิดสิวที่อาจทำร้ายผิวให้อ่อนแอลงง่าย สำหรับอาหารที่หมอโบแนะนำจะเป็นพวกผัก ผลไม้ ไข่ ถั่ว และผลไม้อย่างสับปะรด ส้ม ฝรั่ง ฯลฯ
3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
ไม่ว่าจะเป็นการแช่น้ำร้อน อาบน้ำอุ่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ การอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงแดดเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงขึ้นไปโดยไม่ได้ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหรือไม่หาอุปกรณ์ป้องกันแดด เช่น สวมหมวก กางร่ม ฯลฯ
4. ฉีดเมโส (Mesotheraphy)
เมโสเป็นวิธีการรักษาโดยการฉีดสารบำรุงผิวเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง จึงช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น ผิวมีสุขภาพดี ข้อดีของเมโสนั้นจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าครีมบำรุงผิวที่ใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือละเลยการดูแลผิวเป็นเวลานาน
หน้าโทรม ผิวแห้งกร้าน แก้ได้ง่าย ๆ ด้วยเทคนิค Mesotherapy
ทำไมต้องดูแลผิวหน้ากับหมอโบ ที่ De Beau Clinic
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บทความที่น่าสนใจ
- อยากหน้าใสต้องฉีดอะไร ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ ทำเมโสดีกว่ากัน
- เคล็ดลับเพิ่มความฉ่ำให้ผิว สยบผิวแห้งกร้าน ให้เนียนชุ่มชื้น
- อันตรายจากการซื้อฉีดเมโสเอง ร้ายแรงกว่าที่คุณคิด