หน้าผอมแก้มตอบ เป็นปัญหาที่ทำให้ใบหน้าของเราดูโทรมไม่สดใส แถมยังดูอายุมากกว่าวัยอีกด้วย สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาแก้มตอบ หน้าผอม เช่นนี้มีหลายปัจจัยมาก ๆ ซึ่งนอกจากปัญหาด้านบนที่ได้รับผลกระทบจากการที่เรามีแก้มตอบแล้ว ก็ยังมีปัญหาเรื่องโครงหน้าไม่สมดุลด้วย อาจทำให้สาว ๆ เสียความมั่นใจได้ค่ะ ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าปัญหาแก้มตอบ หน้าผอม เกิดขึ้นได้อย่างไร และรักษาด้วยวิธีไหนจึงจะเอาอยู่?
หน้าผอมแก้มตอบ เกิดจากอะไร รักษาอย่างไรได้บ้าง?
ปัญหาแก้มตอบ ขมับยุบ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดการยุบตัวของกระดูก และไขมันฝ่อตัว จนเกิดเป็นเหมือนหลุม หรือแอ่งเล็ก ๆ บนใบหน้า ส่วนคนที่อายุยังไม่เยอะก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะปัญหาแก้มตอบ ขมับยุบ ยังเกิดได้จากสาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ได้อีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาแก้มตอบ
น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
เมื่อน้ำหนักลด ก็จะทำให้สูญเสียชั้นไขมันตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย รวมไปถึงบริเวณใบหน้า เนื่องมาจากน้ำหนักที่น้อย หรือมีการลดลงของน้ำหนักจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ
โหนกแก้มสูง
เกิดจากพันธุกรรมในแต่ละคน ซึ่งโหนกแก้มที่ยกสูงจะดึงผิวหนังบริเวณแก้มไปด้วย ทำให้แก้มบนใบหน้าดูตอบลง
อายุเพิ่มขึ้น
เมื่ออายุของเรามากขึ้น จะทำให้สูญเสียไขมันที่ทำให้ผิวหนังเต่งตึง ผิวจึงยุบตัวลงมาด้วย จากแก้มที่เคยดูอวบอิ่มก็ดูซูบตอบลง ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นหรือปัญหาร่องแก้ม ทำให้บนหน้าดูไม่เอิบอิ่ม โทรม และไม่สดใส
การจัดฟัน
การจัดฟันทำให้ฟันแนบชิดมากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงของโครงกระดูกใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแนวกรามโดยปกติการจัดฟันจะใช้เวลานาน 2-4 ปี ดังนั้นกล้ามเนื้อในการเคี้ยวอาหารของคนที่จัดฟันจะลีบเล็กลง ทำให้เกิดปัญหาหน้าตอบ
ตัวช่วยแก้แก้มตอบ-หน้าผอม
สำหรับใครที่ประสบปัญหา แก้มตอบ หน้าผอมอยู่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะว่ามีตัวช่วยที่สามารถแก้ไขส่วนที่บกพร่องนี้ให้ผิวถูกเติมเต็มขึ้นได้ ด้วยวิธีการ ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ซึ่งเป็นการเติมเต็มรูปหน้าให้มีความสวยสมบูรณ์ มีมิติมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถช่วย ลดริ้วรอย ปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน ฉ่ำวาว ส่งผลให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ เด็กลงได้อีกด้วย
โดยการฉีดฟิลเลอร์แก้ม สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดว่าใบหน้าดูอิ่มเอมขึ้น ส่วนที่เป็นแอ่ง หรือยุบถูกเติมเต็ม ส่งผลให้รูปหน้าสมส่วน สวยมีมิติมากขึ้น ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริเวณนี้จะใช้ฟิลเลอร์ที่อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ข้างละประมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับความลึกของแก้ม-ขมับตอบ โดยแพทย์จะประเมินและแนะนำตามความเหมาะสมนั่นเอง
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ-หน้าผอม อันตรายไหม?
เนื่องจาก ฟิลเลอร์ (Filler) ถูกผลิตให้มีความคล้ายกับสารที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว นั่นก็คือ ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ที่มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำชั้นใต้ผิว และช่วยเพิ่มเส้นใยคอลลาเจนให้แก่ผิว เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นการช่วยเติมให้ผิวกลับมาสุขภาพดีได้อีกครั้ง โดยฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid เป็นสารที่เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะสามารถสลายตัวได้เอง 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างเอาไว้ จึงเป็นสารที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง และยังได้รับการรับรองจาก US FDA หรือองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา มั่นใจได้ว่าไม่เป็นอันตรายแน่นอนค่ะ
แต่ทั้งนี้บริเวณขมับเป็นส่วนที่มีเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงเยอะ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมามีความเป็นธรรมชาติ คนไข้ต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมด้วยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทุกครั้ง
ฉีดฟิลเลอร์ หรือ ฉีดไขมัน อันไหนดีกว่ากัน?
ทั้งสองวิธีสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ และเติมเต็มใบหน้าให้ดูอิ่มเอิบมากขึ้น แต่ก็มีข้อแตกต่างกันทั้งขั้นตอนการทำ และระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ได้ ดังนี้
การฉีดฟิลเลอร์
เป็นการใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ฉีดเข้าไปบริเวณแก้มหรือขมับ ซึ่งสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดว่าใบหน้าถูกเติมเต็มให้ดูสมบูรณ์มากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งในบางเคสอาจจะมีอาการบวมช้ำจากเข็มได้เล็กน้อย แต่จะหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน โดยระยะเวลาของผลลัพธ์ในการฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้มและขมับ สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือนเลยทีเดียว
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
- ยกใบหน้าที่หย่อนคล้อยให้กระชับ
- ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กและตึงขึ้น
- ปัญหาโหนกแก้มเด่นก็จะลดลงและร่องมุมปากตื้นขึ้น
- ปรับใบหน้าให้เป็นรูปไข่สวยงาม
- ใบหน้าของคุณจะดูอ่อนเยาว์ สดใส ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
- ราคาฟิลเลอร์ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับหัตถการอื่น ๆ
- ไม่ได้อยู่ถาวร จะสลายไปเอง ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและชนิดฟิลเลอร์ (ปกติอยู่ได้ 1-2 ปี)
- หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญ มีโอกาสฉีดเข้าเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดอุดตันได้
การฉีดไขมัน
เป็นการใช้ไขมันของตัวคนไข้เอง โดยดูดไขมันจากบริเวณอื่นมาเติมเต็มปัญหาแก้มตอบ ขมับยุบ ดังนั้นจึงอาจจะทำให้เกิดแผลตรงส่วนที่ดูดไขมันออกมาได้ แต่วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพ้ เนื่องจากเป็นการใช้ไขมันตัวเอง ซึ่งผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนหลังจากฉีดไขมันไปแล้วประมาณ 3 เดือน เนื่องจากผิวจะมีอาการบวมจากการเติมเต็มไขมัน จึงต้องรอให้ยุบตัวก่อน โดยส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งถือว่าอยู่ได้ไม่นานมาก ทำให้ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ และการฉีดไขมันอาจทำให้เกิดปัญหาผิวไม่เรียบขึ้นได้
ข้อดีของการฉีดไขมันแก้มตอบ
- ให้ความเป็นธรรมชาติ เนื่องจากร่างกายเรามีสเต็มเซลล์เป็นส่วนประกอบ ทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
- มีโอกาสแพ้ยากมาก เพราะไขมันเป็นสารเติมเต็มจากร่างกายตัวเองอยู่แล้ว
- สามารถได้ไขมันในปริมาณมากเพื่อมาใช้ในการเติมเต็มให้ดูอวบอิ่มขึ้น
ข้อเสียของการฉีดไขมันแก้มตอบ
- คนที่มีรูปร่างค่อนข้างผอมมาก ๆ จะทำการเติมเต็มไขมันได้ยาก เพราะต้องใช้ไขมันดูดออกมาจากร่างกายส่วนอื่นก่อนเพื่อที่จะเติมเต็มใบหน้าให้ดูอวบอิ่มขึ้น และคนผอมจะไม่ค่อยมีไขมันให้ดูด
- อัตราการสลายตัวของไขมันไม่คงที่ แพทย์ไม่สามารถการันตีได้ว่าปริมาณเท่าไหร่ หรือว่าอัตราการสลายของแต่ละคนอยู่ที่เท่าไหร่
- ถ้าแพทย์ที่ฉีดไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ หากฉีดไขมันในปริมาณเกินขนาด จะทำให้เส้นเลือดรอบ ๆ เข้ามาเลี้ยงตรงกลางไม่ได้ ทำให้เกิดไขมันตายหรือไม่ติดนั้นเอง
สรุป ฉีดฟิลเลอร์ VS ฉีดไขมัน แบบไหนดีกว่า
หากมี ปัญหา หน้าผอมแก้มตอบ มาก แนะนำให้เติมเต็มด้วยการเติมไขมัน เพราะ การเติมด้วยการฉีดไขมันให้ผลลัพธ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของปริมาตรได้ดีกว่า แต่หากมีปัญหาแก้มตอบไม่มาก สามารถเติมเต็มได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์
ท้ายที่สุด หากสาว ๆ ท่านใดอยากฟื้นฟูและปรับโครงหน้าและผิวให้ดีขึ้น แต่ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ก็สามารถทักทายเข้ามาตามช่องทางการติดต่อต่าง ๆ หรือแวะเข้ามาที่หน้าคลินิกได้เลยนะคะ ทางคลินิกของเราพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางให้แก่คนไข้ เพื่อให้เกิดผลการรักษาที่น่าพอใจให้แก่คนไข้ทุก ๆ คนค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
(Update 2022) ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? เหมาะกับใช้ฉีดตรงไหน
ตาโทรม ตาโหล เบ้าตาลึก ควรแก้ไขอย่างไร ใช้วิธีไหนดีที่สุด?
ฉีดฟิลเลอร์คาง VS เสริมคาง แบบไหนดีกว่ากัน
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ