เรตินอลห้ามใช้คู่กับอะไร? หลาย ๆ คนอาจไม่ทราบว่า แม้เรตินอลจะเป็นสารบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเป็นสกินแคร์ที่สาว ๆ หลายคนต้องมีแต่ก็ใช่ว่าเรตินอลจะสามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นได้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าสกินแคร์บางตัวมีส่วนผสมที่ไม่เข้ากับเรตินอลเป็นอย่างมาก และหากใช้ร่วมกันก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวหน้าได้อย่างมากอีกด้วย ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ในบทความนี้เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าสกินแคร์ที่ห้ามใช้กับเรตินอลมีอะไรบ้าง?
เรตินอลห้ามใช้คู่กับอะไร เผยชื่อสกินแคร์ที่สาว ๆ ควรระวัง ใช้ผิดชีวิตเปลี่ยน!!
สารเรตินอลเป็นสารบำรุงผิวชนิดหนึ่งที่มักจะใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า เพราะมีส่วนช่วยบำรุงและฟื้นฟูให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย มีสีผิวสม่ำเสมอ รูขุมขนกระชับดูเล็กลง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเรตินอลนั้นมีหลายแบบด้วยกัน ซึ่งหลัก ๆ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ นั่นคือ เรตินอลแบบฟอร์มยา และ เรตินอลสกินแคร์ ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ก็จะมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะมีรายละเอียดยังไงบ้าง มาติดตามไปพร้อม ๆ กันค่ะ
ทำความรู้จักกันก่อน “เรตินอล (Retinol)” คืออะไร?
เรตินอล คือ สารชนิดหนึ่งในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอที่สามารถลดเลือนริ้วรอย ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน เร่งสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้ผิวแข็งแรง ผิวเรียบเนียนกระชับ รูขุมขนเล็กลง รักษาสิว ช่วยให้หน้าใสขึ้น
สารเรตินอลมักจะเจอที่ไหนได้บ้าง?
ส่วนใหญ่สารเรตินอลมักจะผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
เรตินอลมีกี่แบบ?
Retinoid (เรตินอยด์) คือ กลุ่มของกรดวิตามินเอ และอนุพันธ์ของวิตามินเอทั้งหมด มีหลากหลายตัว สำหรับวิตามินเอชนิดทา แบ่งหลัก ๆ เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มยา (เรตินอลแบบฟอร์มยา)
ได้แก่ Tretinoin ซึ่งเป็น Retinoic acid เป็นตัวออกฤทธิ์หลัก มีงานวิจัยมากที่สุด ช่วยได้ทั้ง สิว ฝ้า ผลัดเซลล์ผิว รอยดำ ช่วยปรับโครงสร้างผิว ลดการสูญเสียน้ำจากเซลล์ผิว และมีข้อมูลว่าช่วยชะลอผิวเสื่อมตามวัยจากยูวีได้ดี นอกจากนี้การทาระยะยาวยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบนชั้นผิวได้ แต่ตัวนี้เป็นยาที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ และมีผลข้างเคียงที่มากกว่าอนุพันธ์วิตามินเอตัวอื่นๆ คือระคายเคืองผิวได้ง่าย มีผิวแห้ง ลอก แดง ได้ถ้าใช้ผิดวิธีค่ะ
2. กลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอตัวอื่น ๆ (เรตินอลแบบสกินแคร์)
ที่มักใส่ในสกินแคร์ เช่น Retinaldehyde, Retinol, Retinyl ester ซึ่งจะมีความเบาตาม ๆ กันไป ตามลำดับการออกฤทธิ์
ซึ่งจากที่กล่าวมาทั้งหมด ทุก ๆ คนจะสามารถเห็นได้ว่าเรตินอลทั้ง 2 กลุ่มจะมีรายละเอียดการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น สาว ๆ ต้องระมัดระวังและศึกษารายละเอียดของคุณสมบัติของเรตินอลทั้ง 2 แบบนี้ให้รอบคอบและเลือกให้เหมาะสมกับปัญหาผิวหน้าของตนเองมากที่สุดค่ะ
ข้อควรระวังในการใช้สารเรตินอลกับสกินแคร์ตัวอื่น ๆ มีตัวไหนบ้างที่ไม่ควรใช้คู่กัน
สำหรับข้อควรระวังที่สาว ๆ ควรรู้ในการใช้เรตินอลคู่กับสิกนแคร์ตัวอื่น ๆ มีดังนี้…
- ควรระมัดระวังการใช้สารเรตินอลร่วมกันกับ Benzoyl Peroxid เนื่องจากหากใช้ทั้งคู่ร่วมกันจะส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง และยังทำให้ผิวแห้งระคายเคืองได้ง่ายกว่าเดิม
- ไม่ควรใช้คู่กับ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ เพราะจะลดทอนประสิทธิภาพของกันและกัน และยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
- ไม่ควรใช้คู่กับสกินแคร์ที่มีวิตามินซี เพราะเรตินอลอาจทำให้ผิวที่บอบบางมีความแห้งมากขึ้นจนอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
- ไม่ควรใช้เรตินอลกับกรดที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว อย่างเช่น AHA, BHA และวิตามินซี และไม่ควรใช้เรตินอลกับ Benzoyl Peroxid หรือยาทาสำหรับรักษาสิว เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง และทำให้ผิวแห้งระคายเคืองได้ง่ายกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม Retinol เป็นสารที่นิยมใส่ไว้ในสกินแคร์มาก ๆ เพราะสามารถกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และ คอลลาเจน ทำให้ช่วยลดริ้วรอย ปรับให้ผิวดูสดใสขึ้นได้ แต่ในการใช้คู่กับสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อการบำรุงผิวเหมือนกัน แต่หากใช้ผิดวิธีอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีได้ค่ะ
คำถามอื่นๆ ที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการใช้เรตินอล
ต้องใช้เรตินอลติดต่อกันนานเท่าไรถึงจะเห็นผล
เรตินอลเป็นสกินแคร์ที่ได้ผล ดีแต่ว่าคนทาจะต้องอดทนทาเป็นเวลานานไม่ต่ำกว่า 3 เดือนถึงจะเรื่มเห็นความเปลี่ยนแปลง และต้องทาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6 เดือน ถึงจะเห็นผลชัดเจนและประสิทธิภาพที่คงที่ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ใจร้อน อยากเห็นผลไวๆ ถ้าใครใจร้อนหมอโบแนะนำให้ใช้การทำหัตถาการเช่น ฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีด Sculptra แทนดีกว่าค่ะ
เรตินอลทาทุกวันได้มั้ย
สำหรับคนที่เพิ่งใช้เรตินอลครั้งแรก หมอไม่แนะนำให้ใช้เรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำ เช่น เรตินอล 0.1% ก่อน แล้วทาบางๆ ครั้งละไม่เกิน 1 เม็ดถั่วแล้วเฉลี่ยให้ทั่วหน้า ทาเป็นประจำทุก 2 วัน หรือสลับวันเว้นวัน ไม่แนะนำให้ทาเรตินอลทุกวัน เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองได้
ทาเรตินอลแล้วระคายเคืองเกิดจากอะไร
เรตินอลเป็นสารสกัดเข้มข้นที่อาจจะทำให้ทำใหเกิดการรคายเคืองสูง สำหรับคนที่ทาแล้วระคายเคืองหมอแนะนำให้ทามอยเจอไรเซอร์ทับอีกครั้ง เพื่อรักษาความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว ลดการเกิดระคายเคือง
รู้ได้ไงว่าแพ้เรตินอล
คนท้องใช้เรตินอลได้มั้ย
คนท้องไม่ควรใช้เรตินอลเด็ดขาด หากสงสัยว่าตั้งท้องและระหว่างตั้งท้องให้หยุดใช้เรตินอลทันทีค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ทำไมต้อง De Beau Clinic
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้จะเป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้รับรองจากอย.ไทย คือ ยี่ห้อ JUVEDERM , RESTYLANE ประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่งในฟิลเลอร์ไม่มั่นใจได้เลยว่า “สวย” เสี่ยงมากน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บทความที่น่าสนใจ
- ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน มีวิธีถนอมฟิลเลอร์อย่างไรบ้าง
- ฉีดฟิลเลอร์ หน้าเด็กจริงไหม ดูแลหลังฉีดอย่างไร หมอโบมีคำตอบ
- ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นตุ่มใสๆ อันตรายมั้ย ดูแลตัวเองอย่างไรดี