“ประเภทสิว” ศัตรูตัวร้ายของผิวเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งหากพูดถึงสิวแล้วเราต่างรู้กันดีว่าเป็นปัญหาที่กำจัดทิ้งได้ค่อนข้างยาก แถมสิวนั้นก็ยังมีประเภทอีกด้วย อย่างไรก็ดี สิวแต่ละประเภทที่เราจะมาทำความรู้จักต่อไปนี้ มีสาเหตุและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น เราจะมาดูกันค่ะว่าเจ้าศัตรูตัวฉกาจนี้มีวิธีรักษาอย่างไรให้ผิวหน้าเรากลับมาเรียบเนียนได้ดังเดิม
ประเภทสิว แต่ละชนิด มีอะไรบ้าง สาเหตุและวิธีการรักษาอย่างไร?
ผู้หญิงเรานั้นมักมีลักษณะผิวที่มัน และอาจจะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเป็น “สิว” ง่ายกว่าคนอื่น แต่จริง ๆ แล้ว “สิว” สามารถเกิดขึ้นได้กับผิวทุกประเภท และมีสาเหตุที่หลากหลาย ทว่า “สิว” นั้นมีกี่ชนิดกันแน่? แล้วแต่ละชนิดมีหน้าตาเป็นแบบไหน? ต้องดูแลรักษาอย่างไรบ้าง? วันนี้เราจะมาหาคำตอบของคำถามเหล่านี้กันค่ะ
เรามาทําความเข้าใจกันก่อนว่า สิว คืออะไร?
สิว คือ การอุดตันของระบบต่อมไขมันในรูขุมขน ซึ่งตามปกติแล้ว ไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันจะออกมาตามรูขุมขน หากมีการอุดตันของทางเดินก็จะทําให้เกิดสิวอุดตันขึ้น ซึ่งจะพบเป็นลักษณะตุ่มเม็ดเล็ก ๆ เป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน หากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย ก็อาจจะทําให้เกิดการอักเสบได้ และหากสิวอักเสบมากขึ้นแล้ว ก็จะกลายเป็นตุ่มหนอง เป็นสิวหัวช้าง และเป็นซีสต์ได้
การเกิดสิว…
สิวมักเกิดบริเวณใบหน้า หน้าอก หลังช่วงบน ไหล่ ซึ่งเป็นบริเวณที่ต่อมไขมันทํางานมาก ต่อมไขมันเป็นต่อมที่อยู่ใต้ผิวหนัง มีหน้าที่สร้างน้ำมันและไขมัน น้ำมันและไขมันที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะถูกขับออกทางท่อน้ำมัน ซึ่งมีรูเปิดเดียวกับรูขุมขน เมื่อมีการกระตุ้นต่อมไขมัน น้ำมันและไขมันจะถูกสร้างมากขึ้น หากระบายออกจากท่อไขมันไม่ทัน จะเกิดการสะสมและค้างในรูขุมขน น้ำมันและไขมันก็จะกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังบริเวณดังกล่าวสร้างสารเคราตินมากขึ้น สารเคราตินก็จะจับตัวแน่นกับน้ำมันและไขมัน เกิดเป็นสิวอุดตัน หรือที่เรียกว่า โคมิโดน ต่อมาการอุดตันนั้นทําให้เกิดสภาพไร้ออกซิเจนในรูขุมขน แบคทีเรียที่ทําให้เกิดสิว หรือ โพรพิโอนิแบคทีเรียม แอคเน่ จะเจริญเติบโตได้ดี และทําให้เกิดการย่อยสลายไขมันและเป็นจุดเริ่มต้นของสิวอักเสบ
ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดสิว
ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดสิวอย่างแน่ชัด แต่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกายจะมีผลต่อการเกิดสิว และยังมีปัจจัยอื่นที่อาจมีผลต่อการเกิดสิว เช่น กรรมพันธุ์ อารมณ์ อาหาร อากาศ ยา โดยรวมแล้วสามารถแบ่งปัจจัยหลักได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
1.ปัจจัยภายในร่างกาย
คือ ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ระดับฮอร์โมน การตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมน กรรมพันธุ์ โรคเรื้อรัง และผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กําเนิด
2.ปัจจัยภายนอก
คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา ครีม และเครื่องสําอางบางชนิด สภาพแวดล้อม แสงแดดและอุณหภูมิ และอาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ สําหรับฮอร์โมนแล้ว ร่างกายสามารถสร้างฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นต่อมไขมันได้ โดยส่วนมากแล้วฮอร์โมนจะเริ่มสร้างเมื่ออายุ 11-14 ปี จึงมักพบสิวได้มากในวัยนี้และอาจอยู่ได้นานหลายปี ส่วนอาหารโดยทั่วไปไม่มีผลต่อการเกิดสิว แต่มีผลจากงานวิจัยเบื้องต้นว่าอาหารที่หวาน และอาหารจําพวกแป้ง จะทําให้เกิดสิวได้ง่าย นอกจากนี้ปัจจัยด้านอากาศ ก็จะมีผลบ้างขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนเป็นสิวมากในฤดูหนาว บางคนเป็นสิวมากในหน้าร้อน
สิวมีกี่ชนิด?
สิวมีหลายชนิด แต่สามารถแบ่งคร่าว ๆ ได้ 2 ชนิดตามลักษณะที่พบ ได้แก่ สิวอักเสบ และสิวที่ไม่อักเสบ
สิวที่มีการอักเสบ
เช่น สิวที่เป็นตุ่มแดง (สิวอักเสบ) สิวที่มีหนอง (สิวตุ่มหนอง) สิวอักเสบขนาดใหญ่ (สิวหัวช้าง) และสิวที่มีการทําลายของผิวข้างในจนเป็นโพรงคล้ายซีสต์
สิวที่ไม่มีการอักเสบ
เช่น สิวอุดตันหัวขาว (สิวอุดตันหัวปิด) สิวอุดตันหัวดํา (สิวอุดตันหัวเปิด) เป็นต้น
มาดูกัน! สิว 6 ประเภทนี้เกิดจากอะไร และรักษาอย่างไรบ้าง?
1.สิวหัวดำ Blackheads
สาเหตุ
สิวชนิดนี้เรียกว่า สิวอุดตันหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เม็ดเล็ก ๆ มีรูเปิดออกจนเห็นหัวสิว และมองเห็นจุดสีดำอยู่บริเวณตรงกลาง ซึ่งจุดสีดำเกิดจากน้ำมัน (Sebum) ทำปฏิกิริยา oxidation กับออกซิเจนในอากาศ เปลี่ยนไขมันเป็นสีดำ
วิธีดูแลรักษา
มักจะใช้การทายารักษาสิวสำหรับรักษาสิวอุดตันโดยเฉพาะ และใช้การกดสิวร่วมด้วย
2. สิวอักเสบ Nodular Acne
สาเหตุ
สิวอักเสบคือสิวที่เกิดจากการที่แบคทีเรียเข้าไปอยู่ในรูขุมขนที่มีเซลล์ผิวตายแล้ว บวกกับความมันบนผิวหน้า ลักษณะของสิวอักเสบจะเป็นตุ่มแข็งสีแดงและไม่มีหัว
วิธีดูแลรักษา
การรักษาสิวอักเสบไม่สามารถทำได้ด้วยการกดออกเอง แต่บรรเทาอาการอักเสบได้ด้วยการทายาไฮโดรคอร์ติโซน แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำปรึกษาและการรักษาต่อไป
3. สิวหัวขาว Whiteheads
สาเหตุ
สิวหัวขาวจัดเป็นสิวอุดตันหัวปิด สามารถพัฒนาไปเป็นสิวหนองขนาดใหญ่ได้ มีลักษณะเป็นตุ่มสีขาวอยู่ใต้ผิวหนัง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ
วิธีดูแลรักษา
สิวหัวขาวสามารถรักษาด้วยการทายาที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide เพราะช่วยลดการอุดตันพร้อมทั้งเปิดรูขุมขนทำให้สิวอุดตันหลุดออกได้ง่าย
4. สิวหัวหนอง Pustule
สาเหตุ
สิวหัวหนองเกิดจากการที่รูขุมขนเกิดการอุดตันมาก จนทำให้ผิวเริ่มบวมจนเป็นตุ่มหนอง รวมทั้งเกิดจากการติดเชื้อของรูขุมขน ทำให้ตุ่มสิวเป็นตุ่มหนองบวมแดงและไวต่อการสัมผัส
วิธีดูแลรักษา
การรักษาสิวหัวหนองแนะนำให้ใช้แผ่นดูดสิวในการดูดซับหนองจากหัวสิว และห้ามใช้มือบีบหรือกดออกเองเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของผิวหน้านั่นเอง หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ผิวหนังให้รักษาต่อไป
5. สิวหัวช้าง Cystic Acne
สาเหตุ
เกิดจากการอักเสบในรูขุมขนที่มีความรุนแรง โดยแรกเริ่มจะเกิดจากการเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ก่อน และขยายใหญ่เป็นก้อนแข็งในที่สุด ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายซีสต์ขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยหนอง และจะมีอาการเจ็บหากเผลอไปโดน
วิธีดูแลรักษา
เป็นประเภทที่รักษาได้ยากที่สุด เนื่องจากสามารถเป็นแผลขนาดใหญ่หรือแผลก้อนนูนได้ ดังนั้น วิธีรักษาจะมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น คือรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรรักษาด้วยตนเองเพราะอาจทำให้เกิดแผลหรืออาการอักเสบตามที่กล่าวไปค่ะ
6.สิวที่มีตุ่มนูนแดง Papule
สาเหตุ
เป็นชนิดของสิวที่เกิดจากการที่แบคทีเรียอุดตันในรูขุมขน โดยลักษณะจะเป็นสิวที่ไม่มีหัว ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวของสิวชนิดนี้คือ สามารถพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ทุกเมื่อนั่นเองค่ะ ดังนั้น หากใครที่กำลังสงสัยว่าเป็นสิวชนิดนี้ ควรรีบรักษาอย่างเร่งด่วนค่ะ
อย่างไรก็ดี ประเภทสิว ทั้ง 6 แบบที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ ซึ่งในอนาคตอาจมีสิวที่พัฒนามาจากสิวพวกนี้ได้อีกก็เป็นได้ ดังนั้น หากสาว ๆ ท่านใดที่กำลังประสบปัญหาสิวเช่นนี้อยู่ ไม่ควรปล่อยปละละเลยนะคะ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาแนวทางแก้ไขที่ถูกต้องและเข้ารับการแนะนำการรักษาที่ตรงจุดค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
วิธีเลือกโฟมล้างหน้าให้เข้ากับผิวหน้า แบบครีม โฟม หรือเจลดีกว่ากัน
ปัญหาผิวหน้าแบบไหนบ้างที่ควรรักษาโดยด่วน
ยกกระชับหน้าด้วยฟิลเลอร์ สวยทันที ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ