ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเห็นผล ? เชื่อว่าเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนอยากทราบค่ะ เพราะแน่นอนว่าหลังจากเข้ารับบริการสิ่งที่ทุกคนเฝ้ารอก็คือผลลัพธ์หลังการฉีดที่หลาย ๆ คนอาจยังไม่ทราบว่าจะเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อไหร่ และต้องรอนานแค่ไหนกว่าฟิลเลอร์นั้นจะเข้าที่ ดังนั้น เพื่อไขข้อสงสัยในส่วนนี้ให้ทุก ๆ คนได้รับทราบ หมอโบว์จึงนำคำตอบมาฝากค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเห็นผล ต้องรอนานไหมกว่าผลลัพธ์จะเข้าที่
ผิวหนังรอบดวงตา ส่วนสำคัญบนใบหน้าที่ต้องได้รับการดูแลไม่แพ้บริเวณอื่น เพราะทุกริ้วรอย ความหมองคล้ำ รวมทั้งถุงใต้ตาจะส่งผลต่อความอ่อนเยาว์ของใบหน้าโดยตรง ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นปัญหาน่าหนักใจที่เกิดขึ้นได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง เมื่อเกิดปัญหาเบ้าตาลึก ใต้ตาหมองคล้ำจนหน้าดูโทรมและแก่กว่าวัยชนิดที่ครีมบำรุงรอบดวงตาหรือมาสก์ชนิดไหน ๆ ก็เอาไม่อยู่ “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” จึงเป็นทางลัดที่หลายคนเลือกใช้ เพื่อฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้กลับมาเรียบเนียน คืนความอ่อนวัยได้ง่ายและเห็นผลในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หลังจากการฉีดฟิลเลอร์แล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนเฝ้ารอคือผลลัพธ์หลังการเข้ารับบริการว่าจะเข้าที่เมื่อไหร่ นานไหมกว่าจะหายบวม ในบทความนี้หมอโบว์มีคำตอบมาฝากค่ะ
ไขข้อสงสัย ทำไมใคร ๆ ถึงต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 4 ปัญหาที่ต้องแก้ด้วยฟิลเลอร์!!
สำหรับปัญหาใต้ตาที่พบนั้นมีหลากหลายรูปแบบด้วยกันค่ะ ซึ่งจะมีอะไรบ้างที่ทำให้หลาย ๆ คนเลือกเข้ามาฉีดฟิลเลอร์ หมอโบว์รวบรวมมาฝากแล้วค่ะ ซึ่งประกอบด้วย…
1. ใต้ตาดำคล้ำ
เกิดจากเส้นเลือดดำรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวกและขยายตัวใหญ่ขึ้น, มีผิวรอบดวงตาบางลง หรือแม้แต่มีเม็ดสีสะสมใต้ดวงตามากกว่าคนทั่วไป ส่งผลให้รอยคล้ำใต้ดวงตาปรากฏชัดขึ้น สาเหตุใต้ตาคล้ำเกิดขึ้นจากพันธุกรรมของคนในครอบครัว, เชื้อชาติ, อายุเพิ่มขึ้น, มีถุงใต้ตา, โรคภูมิแพ้, โดนแสงแดดมากเกินไป, การใช้สายตามากเกินไป, พักผ่อนไม่เพียงพอ และภาวะความเครียด แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา แต่ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูโทรมก่อนวัยอันควร สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
2. ร่องตาลึก
เป็นลักษณะของเบ้าตาที่ลึกมาก เห็นเป็นร่องชัดเจน บางรายเห็นร่องตาหลายชั้นหรือ หรือเบ้าตาลึกเฉพาะหัวตา เกิดจากพันธุกรรมของคนในครอบครัวที่มีโครงสร้างกะโหลกเบ้าตาลึก, อายุมากขึ้น, เป็นโรคภูมิแพ้ที่ทำให้หลอดเลือดฝอยสะสมอยู่บริเวณโพรงจมูกและไซนัส, ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ทำให้ไขมันใต้เปลือกตาหายไป, ลดน้ำหนักแบบหักโหม ทำให้ไขมันใต้ตาลดลงอย่างรวดเร็ว, เคยผ่าตัดทำตาสองชั้น รวมถึงการใช้น้ำยาหยอดตาที่ผสมสเตียรอยด์เป็นเวลานานหรือใช้คอนแทคเลนส์ที่มีสารกันบูดด้วย ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรม ดูเหนื่อยล้าตลอดเวลา ดูแก่เกินวัย
3. ถุงใต้ตา
เป็นถุงบวม ๆ บริเวณใต้ตา อาจเกิดขึ้นจากพันธุกรรม, อายุมากขึ้น หรือโรคภูมิแพ้ แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายแต่หากเกิดจากอาการตาบวมหรือการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ดวงตาแล้วล่ะก็ แสดงว่าอาจเกิดความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ตามมาได้ด้วย และต้องรักษาโดยด่วน
4. ริ้วรอยใต้ตา ตีนกา
เป็นรอยย่นเด่นชัดบริเวณหางตา เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นและการแสดงออกทางสีหน้าเป็นประจำ อีลาสติน (Elastin) และคอลลาเจน (Collagen) ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงแก่ผิวหนังผลิตน้อยลง ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวช้าลงและชั้นผิวหนังแท้บางลง ผิวจึงขาดความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอย แม้จะไม่อันตรายแต่ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจเมื่อต้องแสดงสีหน้าแบบต่าง ๆ
ซึ่งนี่เป็น 4 ปัญหาหลัก ๆ เท่านั้นค่ะ โดยผู้ประสบปัญหาแต่ละคนก็จะมีระดับความรุนแรงที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น ในการฉีดฟิลเลอร์ของผู้เข้ารับบริการแต่ละคนจึงจะมีปริมาณในการฉีดรักษาไม่เท่ากัน และเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ทุก ๆ คนควรเข้ารับการประเมินและแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อความปลอดภัยของเราเองด้วยค่ะ
“ฟิลเลอร์เติมเต็มใต้ตา” ทางออกของปัญหาที่หลาย ๆ คนเลือกใช้
ในปัจจุบันมีวิธีรักษาปัญหาใต้ตาที่หลากหลาย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือเป็นวิธียอดนิยมของใครหลายคนเลยค่ะ นอกจากจะใช้เวลาไม่นานและสะดวกต่อการรักษาอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดด้วย โดยเฉพาะปัญหากระบอกตาลึกจากพันธุกรรม, โรคภูมิแพ้ หรือแม้แต่อายุที่เพิ่มขึ้นก็ตาม โดยศัลยแพทย์จะฉีดสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปยังร่องลึกเพื่อเติมเต็มผิวบริเวณนั้นให้ขึ้นมานูนเหมือนรอบดวงตาของคนทั่วไป แถมยังช่วยลดริ้วรอยและรอยหมองคล้ำให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ซึ่งสาร HA ที่ฉีดให้คนไข้ส่วนใหญ่จะฉีดประมาณ 1-2 CC เท่านั้น และคงอยู่รอบดวงตาประมาณ 6 เดือน -1 ปีเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีดและสภาพร่างกายของแต่ละคน) จากนั้นจะสลายออกไปเองตามกลไกของธรรมชาติ แต่หากคุณต้องการให้ดวงตาดูเอิ่มอิ่มอย่างสม่ำเสมอ จะต้องมาเติมฟิลเลอร์เป็นประจำ
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตารอนานไหมถึงจะเห็นผล?
โดยทั่วไป ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะเริ่มปรากฏให้เห็นได้ชัดเจนในช่วงประมาณ 4-5 วัน โดยจะค่อย ๆ เข้าที่ซึ่งก่อนหน้านั้นอาจมีอาการบวมจะอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน แต่จะเริ่มยุบตัวลงตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1-2 เป็นต้นไป แต่หากเกินจากนั้นไปประมาณ 3-7 วัน อาจเป็นสัญญาณเตือนของความผิดปกติที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ หมอโบแนะนำให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ เพราะฟิลเลอร์ใต้ตาอาจส่งผลต่อระบบการมองเห็นโดยตรง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่เข้ารับการรักษาอาจมีผลทำให้มองไม่เห็นในระยะยาวได้ด้วยนะคะ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามอะไรบ้าง อยากให้ผลลัพธ์เข้าที่เร็วขึ้น ต้องระวังและดูแลยังไง มาดูกัน!!
สำหรับข้อควรระวังหลังจากเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นมีอยู่หลายข้อด้วยกันค่ะ ซึ่งประกอบด้วย…
- ไม่สัมผัสบริเวณรอยฉีด ไม่ว่าจะเป็นการล้วง แคะ แกะ เกา หรือใช้ผ้าถูเบา ๆ เพื่อป้องกันใต้ตาบวมหนักกว่าเดิม
- งดประคบเย็น เนื่องจากอุณหภูมิอาจทำให้การเซ็ตตัวของฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์ไม่เกาะผิวและไหลเข้าสู่เนื้อเยื่ออ่อน
- งดทาครีมบำรุงผิวบริเวณรอยที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 1 คืน เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อใต้ตา
- งดทานอาหารแสลง เช่น อาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุก อาหารแปรรูป รวมถึงอาหารเสริมที่มีฤทธิ์ต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย
- งดเลเซอร์ ทรีตเมนต์ อบซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สัมผัสกับความร้อนเป็นเวลานาน อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะอาจกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนง่ายขึ้น
ท้ายที่สุด ผลลัพธ์นั้นจะเห็นผลหรือเข้าได้ไวหรือช้านั้น นอกจากการเข้ารับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วก็จะขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังเข้ารับการบริการด้วยค่ะ เพราะนอกจากจะได้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วแล้วก็ยังสามารถป้องกันปัญหาและผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจตามได้อีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอาการช้ำรอยเข็มหรืออาการบวมต่าง ๆ หากทุกคนเข้ารับบริการจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์และดูแลได้อย่างถูกวิธีก็จะได้รับผลลัพธ์ตามที่คาดหวังอย่างแน่นอนค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ตอบวิธีเลือกฉีดถุงใต้ตา ใช้ฟิลเลอร์ตัวไหน ฉีดที่ไหนดี?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม เลือกฉีดอย่างไร กูรูตอบให้แล้ว
สาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตากลายเป็นก้อน ไม่อยากโป๊ะต้องดู!
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
