กินของหวาน ทำให้หน้าแก่ ผิวเหี่ยว แก่ก่อนวัย จริงหรือไม่?

ผู้หญิงกับของหวานเป็นของคู่กัน แต่รู้หรือไม่ว่า การทานของหวานน้ำตาลเยอะ ๆ นอกจากจะทำให้อ้วน น้ำหนักขึ้น รอบเอวหนาขึ้นแล้ว ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าเหี่ยว แก่ก่อนวัยได้ด้วย

กินของหวาน ทำให้หน้าแก่ ผิวเหี่ยว แก่ก่อนวัย จริงหรือไม่?

จริงหรือไม่? กินหวานมากไปทำให้หน้าแก่?

ถึงแม้ว่า ของหวานจะทานแล้วอร่อยถูกใจแต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย หมอโบก็ต้องหักใจตอบค่ะว่า “จริงค่ะ” เพราะว่าของหวานนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาลปริมาณที่สูงมาก ซึ่งน้ำตาลเป็นตัวการสำคัญที่เข้าไปเป็นตัวทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ซึ่งเมื่อคอลลาเจนถูกทำร้าย ผิวของเราก็จะขาดความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นน้อยลงและส่งผลให้เกิดริ้วรอยมากขึ้น หลายคนอาจจะเถียงในใจว่าเด็ก ๆ ทานขนมกันทุกคนไม่เห็นหน้าจะเหี่ยวเลย … นั่นเป็นเพราะว่าในช่วงวัยเด็ก – วัยรุ่นนั้นร่างกายของเรามีการผลิตคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวได้มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป อายุเพิ่มขึ้นปริมาณการผลิตคอลลาเจนกลับน้อยลงเรื่อย ๆ จึงทำให้ยิ่งทำร้ายผิวมากเท่าไร ร่างกายก็ยิ่งไม่สามารถผลิตคอลลาเจนมาเพิ่มได้ทันนั่นเองค่ะ

นอกจากนี้ปัญหาหน้าเหี่ยวก่อนวัยจากน้ำตาลนั้นไม่ได้ส่งผลให้ดูแก่อย่างเดียวนะคะ ยังก่อให้เกิดปัญหาผิวอีกมากมายดังนี้

  • หน้ามันง่าย การทานหวานมาก ๆ ทำให้หน้ามันง่ายเนื่องจากค่าอินซูลินในเลือดสูง ต่อมผลิตไขมันบนใบหน้าของเราจึงยิ่งขับไขมันออกมาเยอะขึ้น ส่งผลให้หน้ามันเป็นเมือก ขาดความมั่นใจ และยังก่อให้เกิดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ง่ายอีกด้วย
  • ก่อให้เกิดการอักเสบ นอกจากของหวานจะทำให้หน้ามันง่าย เป็นสิวขึ้นได้ง่ายกว่าเดิมแล้ว สิวที่ขึ้นมาส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบและผื่นแพ้ต่าง ๆ ด้วยค่ะ เพราะปริมาณน้ำตาลในร่างกายที่ขึ้นสูงขึ้น ดังนั้นใครที่มักจะเป็นสิวอักเสบบ่อย ๆ ควรหลีกเลี่ยงการทานน้ำตาลหรือของหวานไปสักระยะนึงก็จะพอช่วยได้นะคะ
  • ผิวแห้ง เนื่องจากน้ำตาลจะเข้าไปทำปฏิกิริยาภายในร่างกาย ทำให้ดูดน้ำมากกว่าปกติ จึงเป็นเหตุให้ผิวแห้งเสีย ขาดน้ำ และก่อให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา ดังนั้นทางที่ดีควรจะทานของหวานให้พอเหมาะและดื่มน้ำเป็นประจำนะคะ
  

กินได้เท่าไร? ถึงจะพอดี

ถึงแม้ว่าน้ำตาลจะก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ มากมายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ห้ามกินน้ำตาลหรือของหวานตลอดชีวิตนะคะ เพียงแต่ควรจะจำกัดปริมาณการทานต่อวันให้พอดี คือ ผู้ชายไม่ควรทานเกิน 37.5 กรัม หรือ 9 ช้อนชาต่อวัน  และผู้หญิง ไม่ควรทานเกิน 25 กรัม หรือ 5 ช้อนชาต่อวันค่ะ

 

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา หมอโบ รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา หมอโบ

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา หมอโบ รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา หมอโบ

หน้าแก่หลบไป…. เคล็ดลับหน้าเด็กใสตลอดกาล!!

สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยถามหา มีใบหน้าที่ดูมีอายุเกินวัย หรือ ใต้ตาคล้ำเสีย ทาครีมก็ไม่หายสักที บางทีคุณอาจจะต้องทำการรักษาที่ล้ำลึกกว่านั้นนะคะ เพราะการทาครีมนั้นสามารถช่วยฟื้นบำรุงผิวได้เพียงชั้นผิวภายนอกเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องการรักษาพร้อมฟื้นบำรุงถึงภายในแล้วล่ะก็.. หมอโบแนะนำให้ลองฉีดฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (hyaluronic acid) ดูค่ะ เพราะว่าสาร HA นั้นมีโมเลกุลที่คล้ายกับคอลลาเจนใต้ผิวของเรา ซึ่งมีความชุ่มชื้น ช่วยเติมเต็มริ้วรอยส่วนต่าง ๆ ได้ทั้งริ้วรอยลึกและตื้นให้ดูดี ผิวเรียบเนียน มีความเด้งดึ่ง เต่งตึง หน้าเด็กทันทีภายใน 30 นาที แถมไม่ต้องพักฟื้นด้วยค่ะ

สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรปแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครอยากปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ

นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

Line : @debeauclinic
☎️ : 097 426-6956 หรือ 097 429-5645

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโบ เดอโบคลินิก (De Beau Clinic) ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้

หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”