3 ข้อควรระวังที่ต้องเช็กให้ดีก่อนฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับหน้า

หากพูดถึงเทคนิคการฟื้นบำรุงผิวหน้า พร้อมยกกระชับริ้วรอยและร่องลึกไม่พึงประสงค์ มั่นใจได้เลยว่า การฉีดฟิลเลอร์ต้องเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่หลายคนนึกถึง เพราะนอกจากจะเป็นวิธีปรับรูปหน้าที่ปลอดภัย แถมคลินิกต่าง ๆ ยังมีโปรโมชัน ตลอดจนมียี่ห้อฟิลเลอร์ยกกระชับหน้าให้เลือกสรรตามงบประมาณที่ต้องการ

ถึงแม้จะมีข้อดีและเป็นประโยชน์มากเพียงใด แต่การฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคฟื้นบำรุงใบหน้าที่อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนเสมอไป ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเติมฟิลเลอร์กับคลินิกไหนก็ตาม ลองมาใช้เวลาสั้น ๆ สัก 3 นาทีเพื่อทำความรู้จัก 3 ข้อควรรู้ที่ต้องพิจารณาให้ดีก่อนใช้ฟิลเลอร์ในการยกกระชับใบหน้ากัน จะมีอะไรบ้างนั้น มาเช็กไปพร้อมกันได้เลย!

3 ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์

1. ใครห้ามฉีดฟิลเลอร์บ้าง

การฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มเข้าไปที่ชั้นผิวหนัง โดยสารเติมเต็มนี้อาจเป็นได้ทั้งฟิลเลอร์ชั่วคราวอย่าง Hyaluronic Acid ที่สามารถสลายได้ใน 4 – 6 เดือน หรือหากใครที่ต้องการผลลัพธ์ในระยะยาวก็สามารถเลือกเติมชั้นผิวหนังด้วยฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรและแบบถาวรได้เช่นกัน แต่ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงและผลข้างเคียงในระยะยาว

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดและเติมฟิลเลอร์นั้นเป็นการรักษาที่ค่อนข้างปลอดภัย และหากมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำการรักษาก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ฟิลเลอร์ก็ยังเป็นอีกหนึ่งการรักษาที่ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาสุขภาพ 3 ประการ ซึ่งจะประกอบไปด้วย

ผู้ที่แพ้สาร Hyaluronic Acid

ฟิลเลอร์ยกกระชับหน้าหลายยี่ห้อในท้องตลาดมักจะมีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid รวมอยู่ด้วย ในขณะที่บางยี่ห้อ Hyaluronic Acid นั้นเป็นสารเติมเต็มตัวหลักเลยทีเดียว ซึ่งผู้ที่มีประวัติแพ้ Hyaluronic Acid ควรหลีกเลี่ยงการฉีดและเติมฟิลเลอร์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแพ้ตามผิวหนัง หรืออาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ผู้เป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง เช่น งูสวัด เริม และสะเก็ดเงิน

ผู้ที่มีโรคติดต่อทางผิวหนังควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์จนกว่าแพทย์จะลงความเห็นว่าอยู่ในระยะปลอดภัย และหายจากโรคทางผิวหนังแล้ว เพราะหากฝืนฉีดเข้าไปก็อาจทำให้โรคติดต่อทางผิวหนังต่าง ๆ กำเริบหนักและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง

โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE เป็นโรคที่ภูมิคุ้มกันจะทำลายเนื้อเยื่อและระบบต่าง ๆ ในร่างกายตัวเองจนทำให้เกิดเป็นอาการอักเสบทั่วร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจเกิดความเสียหายที่อวัยวะต่าง ๆ ได้ ซึ่งหากใครได้รับการวินิจฉัยเป็นโรค SLE นั้น แพทย์ส่วนใหญ่มักจะห้ามการฉีดฟิลเลอร์ ตลอดจนฉีดสารอื่น ๆ เข้าร่างกาย เพราะอาจทำให้มีอาการอักเสบเพิ่มและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

นอกจากทั้ง 3 สภาวะร่างกายที่ได้กล่าวไปนี้ แพทย์บางส่วนยังงดการฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับหน้าให้แก่สตรีมีครรภ์ ผู้ให้นมบุตร ตลอดจนผู้ที่มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก รวมไปถึงผู้ที่ต้องใช้ยารักษาที่ออกฤทธิ์ไม่ให้เลือดแข็งตัวอย่าง แอสไพริน NSAIDS และตัวยาที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี การจะตัดสินใจและตอบได้ว่าควรฉีดฟิลเลอร์ไหม ผู้เข้าทำการรักษายังต้องทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนการรักษาให้ปลอดภัยและเหมาะสมกับเรามากที่สุด ดังนั้น อย่าลืมปรึกษา พร้อมระบุอาการทางร่างกายต่าง ๆ ให้แพทย์ได้ทราบก่อนทำการรักษาด้วย

 

2. แยกให้ออก! ผลข้างเคียงการฉีดฟิลเลอร์แบบไหนปลอดภัย แบบไหนต้องไปหาหมอ

จริงอยู่ว่า ฟิลเลอร์เป็นการรักษาที่ปลอดภัยมากที่สุดแบบหนึ่ง แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธว่าการฉีดและเติมฟิลเลอร์ก็มาพร้อมกับผลข้างเคียงหลังการฉีดเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมตัวและตรวจสอบตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับหน้า ลองมาพิจารณาความอันตรายและแยกผลข้างเคียงหลังใช้ฟิลเลอร์เบื้องต้นกันก่อน ซึ่งผลข้างเคียงหลังการใช้ฟิลเลอร์นั้นสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภท คือ

ผลข้างเคียงที่ไม่เป็นอันตราย หายเองได้

  • อาการคันและผื่นเล็ก ๆ ตามจุดที่ฉีด
  • แผลตกสะเก็ดเล็ก ๆ ตามจุดที่ฉีด
  • รอยฟกช้ำ รอยเขียว จากการที่เข็มฉีดโดนเส้นเลือด
  • ฟิลเลอร์เป็นคลื่นหลังฉีด สามารถหายได้ใน 3 – 5 วันหลังฉีด

ผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ต้องไปพบแพทย์

  • อาการบวมผิดปกติ และอาการห้อเลือด อาจเกิดจากปัญหาฟิลเลอร์อุดตัน หากปล่อยไว้อาจทำให้มีปัญหาเนื้อตายได้
  • อาการปวดหัว ตาพร่ามัวสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์บริเวณตา
  • อาการปวด บวม แดง ผื่นคัน ที่ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วยังไม่ดีขึ้น
  • อาการติดเชื้อ เป็นหนอง หรือมีอาการอักเสบบริเวณที่ฉีด

 

3. เลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด

หลายคนอาจสงสัยว่า การฉีดฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานแค่ไหน หรือควรจะเลือกฉีดฟิลเลอร์กับที่ไหนดีถึงจะเห็นผลลัพธ์ได้ยาวนาน ซึ่งนอกจากฝีมือและประสบการณ์ของแพทย์แล้ว คำตอบของทั้ง 2 คำถามนี้ยังขึ้นอยู่กับการเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดอีกด้วย โดยทั่วไปแล้ว การพิจารณาเลือกฟิลเลอร์นั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ

พิจารณาเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ในท้องตลาดนั้นมีด้วยกันหลายยี่ห้อ และแต่ละยี่ห้อเองก็มีการพัฒนาสูตรให้เหมาะสมกับปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสำหรับในประเทศไทย ฟิลเลอร์ที่ผ่านการอนุมัติจากอย. ไทยนั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ยี่ห้อ คือ Juvederm (อเมริกา) Restylane (สวีเดน) Belotero (สวิตเซอร์แลนด์) Perfectha (ฝรั่งเศส) Neuramis (เกาหลี) Revanesse (แคนาดา) และ Yvoire (เกาหลี) ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีค่าใช้จ่าย เทคนิคการฉีด ตลอดจนผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป

พิจารณาเลือกจากโมเลกุลของฟิลเลอร์

นอกจากสารต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับฟิลเลอร์แล้ว โมเลกุลของฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันก็สามารถแก้ปัญหาบนใบหน้าที่แตกต่างกันด้วย โดยหากยิ่งเป็นฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่ก็จะยิ่งแก้ปัญหาร่องลึกและช่วยเติมเต็มส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถอยู่ได้นานมากขึ้น แต่หากเป็นการฉีดฟิลเลอร์อนุภาคเล็กก็จะเน้นไปที่การเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยเติมเต็มร่องตื้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

จบลงไปแล้วกับ 3 ข้อควรรู้ที่ต้องเช็กให้ดีก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ หากใครกำลังวางแผนฉีดหรือเติมฟิลเลอร์เพื่อยกกระชับใบหน้าอยู่ อย่าลืมตรวจสอบและเช็กรายละเอียดต่าง ๆ ที่นำมาฝากนี้ให้ดีเพื่อเป็นการคัดกรองตัวเองและเพื่อเป็นการวางแผนรักษาได้อย่างปลอดภัย

สำหรับใครที่อยากฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับหน้า DE BEAU CLINIC มาพร้อมบริการฉีดและเติมฟิลเลอร์ที่พร้อมช่วยคุณปรับรูปหน้าได้อย่างปลอดภัย โดย DE BEAU CLINIC เป็นสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มาพร้อม “หมอโบ” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลการรักษาเองทุกเคส ประสบการณ์มากกว่า 16 ปี “ละเอียด เนียน เป๊ะ!” ได้อย่างปลอดภัย เข้าใจธรรมชาติของผิวและข้อจำกัดของทุกคน สอบถามทุกข้อสงสัยกับหมอโบโดยตรงที่ Line : @debeauclinic (มี @ ด้วย)