“รอบตาคล้ำ” ปัญหากวนใจของใครหลายคนเป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่มักจะสร้างความกังวลใจให้ฝ่ายหญิงมากกว่าเพราะทำให้สูญเสียความมั่นใจ ทำให้ต้องอาศัยการแต่งหน้า เน้นการใช้เครื่องสำอางเพื่อปกปิดตลอดเวลา หลายคนทราบหรือไม่? ว่าอาการรอยตาดำคล้ำ ใต้ตาดำเป็นหมีแพนด้านั้นมีสาเหตุการเกิดขึ้นหลายอย่าง วันนี้หมอโบจะมาเล่าให้ฟังค่ะ แล้วมาสังเกตตัวเองกันว่า รอยตาคล้ำของคุณนั้นเกิดจากอะไร?
รอบตาคล้ำ เกิดจากอะไร?
- กรรมพันธุ์ ในบางคนสาเหตุที่ขอบตาดำคล้ำอาจเกิดจากพันธุกรรมที่ถูกถ่ายทอดมา หากเกิดจากสาเหตุนี้มักจะรักษาให้หายขาดยาก จำเป็นจะต้องปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
- ภาวะร่างกายเสียความสมดุล เช่น นอนหลับไม่เพียงพอ อดนอน พักผ่อนน้อย ความเครียด อารมณ์แปรปรวน
- อาการรอบตาดำคล้ำจากสาเหตุโรคบางชนิดเช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง แพ้อากาศ หอบหืด
- รอยดำคล้ำจากเส้นเลือดฝอยขยายตัว
- .ผิวใต้ตาบาง วิธีนี้จะต้องรักษาด้วยการใช้เลเซอร์กำจัดเส้นเลือด หรือ ฉีดสารเติมเต็ม เพื่อให้ผิวหนังบริเวณนั้นดูหนาขึ้น
- คล้ำจากเงาแสง ลักษณะนี้พบได้ในผู้ที่มีถุงใต้ตาหรือมีร่องน้ำตาชัด ลักษณะคล้ำชนิดนี้ไม่ใช่การคล้ำจริง แต่เป็นการคล้ำจากการที่มีเงาของแสงตกกระทบผิวหนังที่ทำมุม หากมีไฟส่องโดยตรงจะพบว่าอาการคล้ำดูจางหายไป
- อายุที่มากขึ้น รอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อย มีรอยย่นรอบดวงตาโดยรอบ ในบางรายอาจมีถุงใต้ตาร่วมด้วย
- คล้ำจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผิวหนังแห้ง ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย ขาดสารอาหารบางชนิด โลหิตจางมีโรคเจ็บป่วยเรื้อรัง เป็นต้น
- พฤติกรรมชอบขยี้ตา ใครที่มักจะชอบขยี้ตาบ่อยๆ มักจะมีอาการของรอบใต้ตาคล้ำกว่าคนที่ไม่ขยี้ เพราะการขยี้ตาบ่อยๆ จะส่งผลให้ร่างกายสร้างเม็ดสีบริเวณใต้ตาเพิ่มขึ้น เมื่อขยี้บ่อยมากๆ จะส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นเป็นรอยสีดำชัดขึ้น
วิธีการแก้ไข
1.ใช้คอนซีลเลอร์
คอนซีลเลอร์ ถือเป็นเครื่องสำอางชนิดหนึ่งท่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นอุปกรณ์กู้ชีพของคนที่มีใต้ตาคล้ำที่มีติดโต๊ะเครื่องแป้งกันเกือบทุกคน เนื่องจากใช้ง่ายและมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ช่วยปดปิกรอยคล้ำได้ดีไม่เพียงรอยคล้ำใต้ตาแต่รอยดำ รอยสิวก็สามารถปกปิดได้ แต่วิธีนี้เป็นการแก้ไขปลายเหตุเนื่องจากเป้นการปกปิดเฉยๆ ไม่ได้บำรุงอะไรเมื่อล้างออกรอยใต้ตาคล้ำก็ยังอยู่เหมือนเดิม
2.ดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพภายในให้ดีก็สามารถช่วยให้พลังแห่งสุขภาพดี ช่วยกลับมาภายนอกให้สดใสได้ เริ่มจากการดูแลเรื่องอาหารการกิน เน้นทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีวิตามินซี ดื่มน้ำให้ครบวันละ 8 แก้วเพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ออกกำลังกายทุกวัน หาวิธีผ่อนคลายเพื่อลดความเครียด รวมถึงนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง
3.หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
เนื่องจากรอยใต้ตาดำคล้ำนั้น สามารถเกิดได้หลายสาเหตุ โดยในบางครั้งก็เกิดจากพฤติกรรมที่มักจะทำบ่อยๆ เช่น การขยี้ตา นอนดึก นอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียด ในบางรายรอยตาคล้ำอาจจะเกิดจากการแพ้เครื่องสำอางบางชนิด ดังนั้นหากไม่มั่นใจว่าเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ก่อให้เกิดการแพ้หรือไม้ ควรจะทดสอบการแพ้เครื่องสำอางก่อนการใช้ทุกครั้ง
4.การนวดรอบๆ ดวงตา
เป็นวิธีที่ง่ายๆ ที่สามารถทำได้ทุกวัน ซึ่งการนวดนั้นจะส่งผลช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น ช่วยลดรอยหมองคล้ำได้ วิธีการก็คือ ให้ใช้นิ้วชี้นวดเบาๆ ที่ใต้ตาด้านล่างจากซ้ายไปขวาทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง ควรทำทุกวันหลังตื่นนอนติดต่อกัน ไม่ต่ำกว่า 1-2 สัปดาห์
5.บำรุงรอบตาด้วยวิธีธรรมชาติ
วัตถุดิบจากธรรมชาติหลายๆ อย่างสามารถช่วยบำรุงรอยหมองคล้ำใต้ตาได้ เช่น แตงกวาฝานบางๆ หรือว่านหางจระเข้สด ๆ นำมาทาบริเวณใต้ตาไว้ 1 คืน ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งจะช่วยแก้ปัญหารอบตาคล้ำได้ หรือผงจันทน์เทศบดผสมนมสดทาบริเวณใต้ตาทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อเช้ามาใต้ตาจะสดใสไม่หมองคล้ำ
6.การใช้ Eye Cream
การใช้ Eye Cream โดยเน้ให้เลือกครีมที่มีส่วนประกอบของ Vitamin A , Vitamin E , Vitamin C หรือ สารกลุ่ม Whitening เช่น Kojie , Arbutin หรือหากต้องการการบำรุงอย่างลำลึกขึ้น สามารถทำทรีตเม้นท์กลุ่ม Vitamin และ กลุ่ม Whitening บำรุงรอบดวงตาจะช่วยให้ให้ใต้ตาสดใสขึ้นได้
7.การทำ Laser
การทำ Laser สามารถช่วยลดเม็ดสีของผิวหรือลดการขยายตัวของเส้นเลือดได้ดี ซึ่งในการทำ Laser นั้นจำเป็นจะต้องประเมินสาเหตุการเกิดรอยหมองคล้ำ และทำการรักษาโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น
8.ฉีดสารเติมเต็ม (Filler)
เพื่อให้ผิวหนังบริเวณนั้นเต็มและดูสวยเป็นธรรมชาติ การฉีดสารเติมเต็มนั้นจำเป็นจะต้องประเมินสาเหตุการเกิดรอยหมองคล้ำ และทำการรักษาโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้นเช่นเดียวกัน
นัดหมาย หรือ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
หมอโบ หรือ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การดูแลคนไข้ด้านความงามมากกว่ากว่า 15 ปี ศึกษาจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงามที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และเมื่อสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 9 ปี ก็มาเปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” (de beau clinic) ซึ่งหมอโบเองก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามา รีวิวบอกกันปากต่อปากถึงความละเอียดของหมอโบว่า “ละเอียด เนียน เป๊ะ!”
สำหรับฟิลเลอร์ที่หมอใช้ก็เป็นฟิลเลอร์จากยุโรบแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองที่ #ยืนหนึ่ง ในวงการฟิลเลอร์ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะ “สวยมากเสี่ยงน้อย” หากใครมีปรึกษาเรื่องฟิลเลอร์หรืออยากปรับรูปหน้าสามารถปรึกษาหมอโบได้นะคะ หมอยินดีดูแลเองทุกเคสค่ะ
อ่านบทความที่น่าสนใจได้ที่นี่
การฉีดฟิลเลอร์ Filler กับ 7 ความเชื่อแบบผิดๆ ที่หลายคนยังไม่เข้าใจ
เคล็ดลับ สวยฉบับเร่งด่วน กู้ตาโทรม ดำคล้ำ ไม่กระชับ ภายใน 1 วัน
วิธีเช็คอาการก่อน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตาแบบไหนควรฉีดฟิลเลอร์