ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจที่ใคร ๆ ก็อยากรักษาให้ดูสดใสอยู่เสมอ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเองก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ใครหลายคนฟื้นฟูผิวหนังรอบดวงตาให้กลับมาสดใสและดูสุขภาพดีได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า รอบดวงตาถือเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ยากที่สุด เพราะไม่เพียงแต่จะบอบบางและช้ำง่ายเท่านั้น แต่รอบดวงตายังรายล้อมไปด้วยเส้นประสาทและเส้นเลือดมากมาย จึงทำให้มีความเสี่ยงสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่น ๆ
ด้วยเหตุนี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและรอบดวงตาจึงต้องอาศัยความชำนาญเป็นอย่างมาก เพราะหากพลาดแม้แต่นิดเดียวก็มีโอกาสเสี่ยงตาบอดได้ในทันที เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นอันตรายไหม ทำไมถึงมีเคสฉีดแล้วเกิดตาบอดกัน หากใครสงสัยเช่นเดียวกันนี้อยู่ วันนี้หมอโบจะอธิบายให้ฟังเอง
ความเสี่ยงของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย และมีรายงานทางการแพทย์เมื่อปี 2015 ระบุถึงเคสตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์ 98 คนทั่วโลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณรอบดวงตานั้นมาพร้อมกับความเสี่ยงเช่นเดียวกัน โดยอาการตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์จะแบ่งเป็น 3 กรณีหลัก คือ
- กรณีฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด
ภาวะนี้จะมีชื่อทางแพทย์ว่า Central Retinal Artery Occlusion (CRAO) หรือภาวะที่ตัวฟิลเลอร์จะเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดแดง ทำให้เนื้อตายและตาบอดในที่สุด - กรณีฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าไปในเส้นเลือดดำ
ฟิลเลอร์ที่เข้าไปอยู่ในเส้นเลือดดำจะไหลย้อนกลับไปที่เส้นเลือดแดง ถึงแม้ว่ารอบดวงตาและใบหน้าจะมีเส้นเลือดแดงมากมาย แต่หากฟิลเลอร์ไหลย้อนกลับไปอุดตันที่เส้นเลือดอย่าง Central Retinal Artery หรือเส้น Ophthalmic Artery ก็จะทำให้ดวงตาบอดแทบจะทันที - กรณีฉีดฟิลเลอร์ไปโดนจอประสาทตา
หากฉีดฟิลเลอร์ไปโดนเส้นเลือดที่เลี้ยงจอประสาทตาจะทำให้ตาบอดได้ในระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง กรณีนี้ถือเป็นกรณีที่เกิดได้น้อยที่สุด และมักเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมกับหมอกระเป๋าที่ไม่มีความชำนาญ
ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดไม่จำเป็นต้องเป็นฟิลเลอร์ใต้ตาเสมอไป
หลายคนอาจเข้าใจว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเพียงบริเวณเดียวที่เสี่ยงต่อการตาบอด แต่ในความเป็นจริงแล้ว นอกเหนือจากบริเวณใต้ตาและรอบดวงตาแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณหว่างคิ้ว จมูก และร่องแก้มก็เสี่ยงตาบอดได้เช่นกัน เนื่องจากใบหน้าของคนเรานั้นจะมีเส้นเลือดที่เชื่อมโยงกันแทบจะทั้งหมด หากฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันบริเวณแขนงเส้นเลือดหล่อเลี้ยงดวงตาก็อาจทำให้ตาบอดได้เช่นกัน
โดยบทความ Avoiding and Treating Blindness From Fillers: A Review of the World Literature ระบุไว้ว่า การฉีดฟิลเลอร์บริเวณหว่างคิ้วเสี่ยงตาบอดถึง 38.8% ในขณะที่บริเวณจมูกและร่องแก้มจะมีความเสี่ยงมากถึง 25.5% และ 13.3% เลยทีเดียว
สาเหตุที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตราย
ถึงจะเป็นความเสี่ยงที่ดูร้ายแรง แต่การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นอีกหนึ่งการรักษาที่มีความปลอดภัยสูงมาก แต่สาเหตุที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์รอบดวงตามีความเสี่ยงสูงนั้นเกิดขึ้นจาก 3 สาเหตุหลัก ซึ่งจะประกอบไปด้วย
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์
การฉีดฟิลเลอร์กับหมอกระเป๋า หรือแพทย์ที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก อาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณรอบดวงตา หรือเสี่ยงพลาดฉีดไปโดนจุดสำคัญที่ทำให้ตาบอดได้ - ฟิลเลอร์ปลอม
ฟิลเลอร์ปลอมมักมาพร้อมกับสารอันตรายที่ร่างกายไม่สามารถสลายได้ ทำให้สารเหล่านี้จับตัวเป็นก้อน หรือเห็นผลลัพธ์เป็นอาการบวม ย้อย หรือเป็นก้อนผิดรูป และหากปล่อยไว้เป็นเวลานาน ฟิลเลอร์ปลอมเหล่านี้ก็จะเข้าไปเกาะยังผิวหนัง กระดูก และอวัยวะสำคัญอื่น ๆ ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนเท่านั้น แต่สารอันตรายที่มาพร้อมฟิลเลอร์ปลอมยังเสี่ยงทำให้ตาบอดได้อีกด้วย - การเลือกฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นบริเวณที่ซับซ้อนอย่างมาก เพราะนอกจากจะเสี่ยงเป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติแล้ว การเลือกชนิดและขนาดโมเลกุลของฟิลเลอร์ ตลอดจนปริมาณที่ไม่เหมาะสมยังเพิ่มความเสี่ยงการอุดตันและตาบอดได้อีกด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไรให้ปลอดภัย
เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นอันตรายไหม เพราะดูแล้วจะมีความเสี่ยงอยู่รอบด้าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนสามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ เพียงพิจารณาตาม 3 ขั้นตอน ดังนี้
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิก
การคัดกรองคลินิกที่น่าเชื่อถือสามารถทำได้ง่าย ๆ ตั้งแต่การตรวจสอบกับรีวิว รวมไปถึงการเดินทางไปยังคลินิกเพื่อพบกับแพทย์ที่ทำการรักษา จากนั้นจึงพิจารณาความเหมาะสมและความเชี่ยวชาญควบคู่กันไป ซึ่งการเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีคุณภาพ และได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจะช่วยทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปลอดภัยมากยิ่งขึ้น - เช็กประสบการณ์ของแพทย์ที่ดูแลรักษา ห้ามฉีดกับหมอกระเป๋าโดยเด็ดขาด
แม้หมอกระเป๋าจะมาพร้อมค่าบริการที่ถูกกว่า แต่ทุกคนยังต้องแบกรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของดวงตาและผลลัพธ์ที่เป็นไปตามต้องการ ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์บริเวณรอบดวงตากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูงและตรวจสอบเลขที่ใบอนุญาตได้ ที่สำคัญ ต้องฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากพบเจอคลินิกที่ให้ผู้ช่วยหรือบุคลากรทางการแพทย์ฉีดก็ขอให้หลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยของดวงตา - เลือกฉีดฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น
ฟิลเลอร์แท้ คือ ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะมีด้วยกันหลายประเภท และเหมาะกับการฉีดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทุกคนสามารถตรวจสอบความแท้ของฟิลเลอร์ได้ ดังนี้
- ดูใบรับรองจากทางคลินิก
- ตรวจสอบเลขทะเบียน อย. เอกสารกำกับภาษาไทย
- รอยปรุสำหรับเปิดกล่อง
- เลข Lot ข้างกล่องกับที่หลอดต้องตรงกัน
สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจว่า ตัวเองตรวจสอบครบถ้วนหรือไม่ ขอแนะนำให้โทรศัพท์ติดต่อไปยังบริษัทที่นำเข้าและจัดส่งเพื่อเช็กเลข Lot ด้วย
เพียงเท่านี้ ทุกคนก็ไขข้อสงสัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นอันตรายไหม พร้อมรู้จักวิธีป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ได้แล้ว เท่านี้ทุกคนก็สามารถมีดวงตาที่สดใสเพื่อใบหน้าที่ดูดีขึ้นได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ถูกต้อง
สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ปลอดภัยต่อดวงตา และเห็นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หมอโบจาก DE BEAU CLINIC พร้อมคืนความสดใสให้ดวงตาทุกคนอย่างปลอดภัย หมอโบตรวจและฉีดเองทุกเคส เฉลี่ยเคสละ 1.5 ชั่วโมงเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ตาเท่ากัน และไม่เป็นก้อน อันไหนฉีดได้ เคสไหนทำแล้วเสี่ยง แจ้งชัดเจนทุกขั้นตอน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 16 ปี มั่นใจ! “ละเอียด เนียน เป๊ะ!” ได้อย่างปลอดภัย สอบถามทุกข้อสงสัยกับหมอโบโดยตรงที่ Line : @debeauclinic (มี @ ด้วย)